วันนี้ผมขอเล่าเรื่องราวการเที่ยวเมืองมิวนิคต่อจากep ที่ผ่านมา ที่พาไปเที่ยวดูนาฬิกาเต้นระบำกับไปชมพระราชวังNymphenberg ครับ
จากพระราชวังNymphenberg เรามุ่งหน้าไปเที่ยวEnglish Garden สวนสาธารณะกลางเมืองมิวนิค ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของเมือง เมื่อSearchจากGoogle map พบว่าต้องเดินไปขึ้น Tram สาย17 แล้วต่อรถBus สาย100 ใช้เวลารวม40 นาทีก็จะถึง
การใช้Munich card นี่แสนสะดวกไม่ต้องกังวลเรื่องการซื้อตั๋ว อยากขึ้นรถอะไร คันไหน เมื่อไรก็ได้ แต่ละป้ายจะมีจอบอกว่ารถแต่ละสายอีกกี่นาทีจะมาถึง ไม่ต้องนั่งลุ้นยืนลุ้น ชะโงกดูว่าเมื่อไหร่จะมาสักที เราขึ้นTram สาย17 นั่งไปสักพัก พอถึงที่HBF Nord จึงลง แล้วเดินไปรอขึ้นรถบัสสาย100 รถบัสที่มิวนิคเป็นรถพ่วงคันใหญ่ ที่นั่งเยอะ สะอาด ผู้คนไม่แน่น ดูปลอดภัย มีจอให้ดูบอกสถานีปลายทาง เมื่อบอกสถานีที่จะถึงเราต้องกดออดครับ ไม่งั้นเลยป้าย
นั่งรถบัสมาราว15นาที ลงที่ป้าย Koniginstrabe แล้วเดินไปนิดเดียวก็ถึงลำธารชื่อ Eisbach ที่น้ำไหลเชี่ยวลอดใต้สะพาน เป็นลอนคลื่นสูงราว 60 ซม ซึ่งเขาทำไว้เพื่อให้เล่นวินเซอร์ฟได้ มีนักเล่นวินเซิร์ฟ มาเล่นโต้คลื่น พลัดกันโดดลงน้ำโต้คลื่นกันอย่างเพลิดเพลิน ท่ามกลางสายตานักท่องเที่ยวที่มานั่งลุ้นนักวินเซิร์ฟ จุดนี้เป็นจุดที่ดึงดูดคนทั่วโลกให้มาเยี่ยมชมEnglish Garden
ลำธารนี้ไหลผ่านEnglish Garden เราดูนักโต้คลื่นสักพักก็เดินตามลำธารเข้าไปในสวนสาธารณะEnglish Garden ที่มีต้นไม้น้อยใหญ่เริ่มเปลี่ยนสี บ้างก็ผลัดใบแล้วร่วงสู่พื้น ลำธารบางช่วงกั้นเป็นฝายน้ำล้น น้ำตก มีที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจ บางช่วงไหลแรงผ่านทุ่งหญ้า มองเห็นMonoptereros Temple อยู่บนเนินไกลๆ ดูแล้วเพลินตา
สวนสาธารณะนี้ไม่เก็บตังค์ครับ เดินเข้าชมได้ จะเห็นผู้คนมาเดินเล่น บ้างก็วิ่งออกกำลังกาย บ้างก็พาหมามาเดินออกกำลังกาย ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น 5 องศา ซึ่งคงเป็นอุหภูมิที่เย็นสบายสำหรับชาวมิวนิคที่มาพักผ่อนหย่อนใจ ส่วนสำหรับเรา หนาวววววมากครับ
สวนสาธารณะนี้กว้างใหญ่มากถ้าเทียบกับสวนลุมพินี ก็ 7สวนรวมกันครับ แต่เรามีเวลาไม่มากพอเดินได้เพียงเสี้ยวเดียวของสวน
เราเดินสักพักก็เดินกลับไปขึ้นรถราง เพื่อไปที่Marialplazเพื่อจะไปขึ้นโบสถ์ St.Peterชมวิวมิวนิคยามเย็น เราจึงเดินไปขึ้นรถรางสาย16 ตามที่อากู๋ บอก ยุคนี้เที่ยวง่ายครับไม่ต้องกลัวหลง อยากไปไหนก็ถามอากู๋ได้เพียงแต่ต้องรู้ชื่อสถานที่ที่เราจะไป รวมทั้งจำชื่อโรงแรมที่เราพักให้ได้(มีนะครับ บางท่านมากับทัวร์ ออกไปเที่ยวเองแล้วจำโรงแรมที่พักไม่ได้ กลับที่พักไม่ถูกครับ)
นั่งTramสาย16 ได้ราว10 กว่านาทีก็ถึงป้ายหยุดรถ Reichenbachplatz ตามที่อากู๋บอก แล้วเดินต่อไปตามเส้นทางที่อากู๋นำทางไปราว7 นาทีก็ถึงโบสถ์ St.Peter ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับ Mariealplaz ตรงข้ามกับศาลาว่าการตรงที่มีหอนาฬิกาเต้นระบำนั้นแหละครับ เดินเข้าไปทางข้างๆโบสถ์จะมีร้านค้าเล็กๆ คล้ายๆกับร้านขายของที่ระลึก เป็นที่ขายตั๋วและอยู่หน้าทางขึ้นบันไดไปยอดโบสถ์ ตั๋วราคา5 ยูโรต่อคน
![]() |
| โบสถ์ St.Peter |
![]() |
| บูทขายบัตรตรงทางขึ้นโบสถ์ St.Peter |
ได้ตั๋วแล้วก็เดินขึ้นเลยครับ เป็นทางเล็กๆ ต้องเดินทีละคน หากมีคนสวนมาฝ่ายหนึ่งต้องรอหลีกทางให้ครับ บันไดมีทั้งเป็นปูนบ้าง ไม้บ้าง เหล็กบ้าง เรา ค่อยๆไต่ขึ้นไปเดินจนเหนื่อยไม่ถึงสักที ทีแรกคาดว่ามี8 ชั้น ปีนไปพักไปไม่ถึงยอดสักที จะลงดีไหม
สุดท้ายปีนไปจนถึงชั้น 14 ถึงตรงจุดชมวิว อากาศเย็นวูบปะทะตัว ข้างบนลมแรงและหนาวเย็น เดินวนรอบตามทางเดินที่มีรั้วเหล็กครอบทางเดินโดยรอบ สามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองมิวนิค รอบทิศทาง ตอนนี้เวลาประมาณ4 โมงเศษๆฟ้ายังไม่มืด(ฤดูใบไม้ร่วงฤดูหนาว ฟ้ามืดเร็วราวๆ4โมง5โมงเย็นก็มืดแล้ว ต่างจากฤดูร้อนสี่ห้าทุ่มพระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน) มิวนิคยามอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า สวยงามมาก หายเหนื่อยเลยครับ ถ้าหากไม่ขึ้นมาคงเสียดายน่าดู
มองลอดรั้วเหล็กลงไปเห็นหอนาฬิกาเต้นระบำ อยู่ใกล้ๆต่ำลงไปนิดหน่อย นี่ถ้ามาตรงเวลานาฬิกาเต้นระบำคงเป็นจุดชมที่สุดบรรยาย
![]() |
เดินชมวิวจนอิ่มตา แต่ท้องเริ่มหิว(ไม่หิวได้ไงครับเพิ่งมาถึงวันแรกยังปรับตัวไม่ได้ เวลาเมืองไทยตอนนี้ราวๆ 5 ทุ่ม) จึงค่อยๆเดินลงอย่างระมัดระวังเพราะบันไดสูงชัน พลั้งพลาดตกลงมาคงลำบากมาก ระหว่างลงสวนทางกับคนขึ้นไปเป็นระยะๆต่างคนมีทีท่าอิดโรยเลยบอกเขาไปว่าอีกนิดเดียวถึงที่หมายแล้ว ทำให้เขามีแรงฮึดขึ้นมาปีนบันไดต่อไป
ลงมาถึงข้างล่าง มืดพอดี เปิดอากู๋หาทางไปร้านขาหมูชื่อดัง เดินไปราว 10 นาทีก็ถึง
ร้านขาหมู โชว์ห้องครัวหน้าร้าน เห็นขาหมูเสียบไม้ย่างที่เตา ส่งกลิ่นหอมกรุ่นถึงด้านนอกร้าน
จึงเดินเข้าไป ร้านนี้ลูกค้าแน่น แต่ก็พอมีที่ว่างให้เรา3 คน พนักงานพาเรา เข้าไปนั่งโต๊ะว่างใกล้ครัว ที่มีเตาย่างขาหมู ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นถึงกับต้องถอดเสื้อคลุมออก พนักงานที่นี่เอาใจใส่ลูกค้าดีครับ ช่วยเราเลือกเมนูอาหารที่คิดว่าเหมาะกับเรา (เที่ยวเยอรมันไม่ยากครับ ใช้ภาษาอังกฤษ สื่อสารได้) เราสั่งขาหมูย่างขาใหญ่ พร้อมไส้กรอก 1 จาน น้ำซุป รวมทั้งเบียร์แก้วใหญ่ และSparkling Water พร้อมบอกพนักงานเสริฟว่าเราจะแชร์กันกิน ขอจานเปล่า3ใบ (วัฒนธรรมของชาวเยอรมันจะทานจานใครจานมัน จ่ายใครจ่ายมัน แต่ละชามมีขนาดใหญ่ อย่างเช่น ขาหมูขาใหญ่เขาทานคนเดียวหมด )พนักงานเข้าใจคนเอเชียในวัฒนธรรมการแบ่งกันทาน จัดจานพร้อมส้มและมีดให้คนละ 1 ชุด
จาน ขาหมู มีมันฝรั่งบดเหนียวๆก้อนโต พร้อมมีเครื่องเคียงคล้ายๆหัวผักกาดสีขาวๆที่เป็นเส้นฝอย และอีกชามน่าจะเป็นหัวผักกาดม่วง ทั้งสองอย่าง รสชาติเค็มๆ ที่นี้ไม่มีน้ำจิ้มซีฟูดหรือซีอิ้วดำ แบบบ้านเรา ขาหมู เปื่อยดี ทานแล้วนุ่มลิ้น รสชาดเค็มนิดๆรสชาดอร่อย ยิ่งได้ซดเบียร์สดตามเข้าไปสุดจะฟิน
พนักงานเดินมาถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เรายกนิ้วให้ ยอดเยี่ยม ทานจนอิ่ม พุงกางแต่เรา3 คนทานไม่หมด จึงต้องพยายามจัดการให้เหลือน้อยที่สุด ที่เยอรมันเขาจะไม่กินเหลือทิ้งเหลือขว้างแบบบ้านเราครับ ราคาอาหารที่เยอรมันหากเทียบกับที่สวิสเซอร์แลนด์แล้วถือว่าที่เยอรมันราคาถูกกว่าพอสมควรครับเราจึงรู้สึกว่าไม่แพง(แต่อย่าเทียบกับบ้านเรานะครับ แค่น้ำเปล่าขวดละ4ยูโรหรือ150บาท) ที่นี่ไม่รวมค่าบริการหรือทิปครับ แล้วแต่จะให้ เวลาเก็บตังค์พนักงานจะนำเครื่องรูดเงินมาหาเราที่โต๊ะ จะจ่ายเป็นเงินสด หรือบัตรเครดิตก็ได้ แต่เราจ่ายด้วยTravel Card เอาไปแตะที่เครื่องก็เรียบร้อยไม่ต้องกดรหัสครับ ส่วนที่สวิสเซอร์แลนด์ต้องกดรหัสบัตร (ซึ่งคราวที่ผมไปสวิสใช้Travel Card ไม่ได้เพราะลืมรหัส)
จากนั้นเดินเล่นย่อยขาหมูที่ย่านMarialplatz สักพัก ยามราตรีผู้คนไม่ค่อยเยอะ ถนนมีรถราง และผู้คนขี่จักรยาน รวมทั้งscooter กันขวักไขว่ เราเดินเล่นสักพักรู้สึกว่าอากาศเริ่มเย็นลง จึงใช้อากู๋หาทางกลับที่พัก อากู๋บอกให้เราเดินไปขึ้นTram สาย19 ที่ป้ายใกล้ๆ เรานั่งไปราว10นาทีก็ถึงสถานี Holzkirchr Bahnhof ที่อยู่ใกล้ที่พัก เดินต่อไปอีก 2 นาทีกถึงโรงแรม เที่ยวด้วยตนเอง ยุคนี้การเดินทางชัดเจนครับมีอากู๋ช่วยไม่ต้องกลัวหลง เพียงแต่ตอนขึ้นรถรางหรือรถบัส ขึ้นให้ถูกป้ายหรือถูกฝั่งเท่านั้นเอง ซึ่งก็ดูไม่ยากที่ป้ายจะมีบอร์ดแสดงว่ารถจะวิ่งไปทางสถานีใด หรือหากเราขึ้นผิดฝั่งก็ไม่ยาก ลงสถานีถัดไปแล้วข้ามไปอีกฝั่งนั่งย้อนกลับ แค่นั้นเอง ส่วนค่าโดยสารไม่ต้องห่วงถ้าเราใช้ตั๋วเบ่ง Munich Card ซึ่งวันนี้เราขึ้น-ลงTram หลายเที่ยว ไม่เจอนายตรวจเลย แต่ก็เห็นผู้โดยสารที่ไม่มีตั๋วโดยสารพอขึ้นรถก็จะตรงไปซื้อตั๋วที่ตู้บนรถ แล้วสอดเข้าเครื่องStampตั๋วโดยสาร แล้วไปหาที่นั่งที่ยืน
![]() |
วันนี้กว่าจะถึงที่พักก็2ทุ่มกว่า เหนื่อยพอควรเดินเที่ยวMunich ทั้งวันตั้งแต่ลงเครื่องบิน 7 โมงเช้า โชคดีที่ได้หลับยาวบนเครื่องบิน เมื่อถึงโรงแรมที่พักก็ทำการCheck in ลากกระเป๋าที่ฝากเข้าห้องพัก โรงแรมที่นี่เก็บค่าห้องทันทีเมื่อเข้าพัก รวมทั้งค่าภาษีท้องถิ่นรายวันต่อคนด้วยครับ ใช้Travel Card จ่ายไปครับไม่อยากใช้บัตรเครดิตเพราะจะต้องเสียค่าธรรมเนียมหรือค่าความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มให้แก่ธนาคารเมื่อตอนเรียกเก็บเงิน ห้องพักโรงแรมไม่ใหญ่นักครับ ขนาดประมาณ 20 ตรม. มีเตียงใหญ่ 1 เตียงและเตียงเล็ก 1 เตียง นอน 3 คน มีห้องน้ำ อุปกรณ์ครบ สบายๆครับ อาบน้ำอาบท่า นำAdapterที่เตรียมมาเสียบเต้าและต่อปลั๊กพ่วง เสียบชาร์จมือถือของทุกคน พร้อมจัดเตรียมเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไป 5 ทุ่ม (ตี5 บ้านเรา) หมดพลัง หลับปุ๋ยครับ




























ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น