แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ล้อ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ล้อ แสดงบทความทั้งหมด

เที่ยว Vietnamกับทัวร์ Ep.2 เที่ยวเมืองเว้(Hue) นั่งสามล้อขี่มังกร

google.com, pub-9296050589314666, DIRECT, f08c47fec0942fa0


 


      ต่อจากEp.ที่แล้ว เดินทางออกจากสนามบินดานัง ไปทานอาหารที่ร้านอาหารในดานัง ร้านนี้ตกแต่งด้วยโคมไฟเวียตนามสีสันสดใสสวยงาม มีอาหารเวียตนามต้นตำหรับ แหนมเนือง เฝอ เสริฟเต็มโต๊ะ มีน้ำจิ้มสารพัด ทานกันอิ่มหนำสำราญแล้วเดินทางต่อไปยังเว้ ตามถนนเลียบชายฝั่งทะเลตะวันตก รถลอดผ่านอุโมงค์ที่ยาว6,280 เมตรที่เจาะลอดเขาที่กั้นระหว่างดานัง กับ เว้  นั่งไปฟังไกด์บรรยายบ้างหลับบ้าง ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง ถึงเมืองเว้ 


         เว้  เมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม  มีโบราณสถานต่างๆมากมาย  และเป็นเมืองหลวงเก่าสมัยราชวงศ์เหงียน  เป็นเมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยว การเดินทางจากดานังไปเว้ ไปได้ทั้งทางรถยนต์และรถไฟ หากไปเที่ยวเองใช้บริการรถบัส รถลีมูซีนร่วม(รถตู้)คนละ200-300 บาท   หรือเหมารถตู้ราวๆ1,800 บาทครับ

            รถมุ่งตรงไปยังวัดเทียนมู่ (Thien Mu Pagoda) จอดรถตรงลานจอดแล้วไกด์พานำเดินไปที่วัดเจดีย์เทียนมู่    วัดเทียนมู่ มีเจดีย์ทรงเก๋งจีนขนาดใหญ่ 8 เหลี่ยม 7 ชั้น มีศิลาจารึกและระฆังขนาดใหญ่หนักถึง2,000 กิโลกรัม มีอาคารประดิษฐานพระพุทธรูป สามารถเข้าไปสักการะบูชาได้ครับ



  วัดนี้เป็นวัดพุทธนิกายมหายาน ที่มีอายุเก่าแก่หลายร้อยปี มีสวนญี่ปุ่น มีต้นไม้แคระสวยงามน่าดูชม ทั้งยังมีรถออสตินที่เป็นของอดีตเจ้าอาวาสที่เผาตัวเองประท้วงที่ทางการบังคับให้ประชาชนนับถือศาสนาคริสต์ ไว้ตั้งแสดงด้วย     นับเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดหากได้มาเมืองเว้ 
                   หลังจากเดินชม และถ่ายรูปเป็นเวลา 30 นาทีแล้วจึงเดินกลับไปที่จุดจอดรถซึ่งมีร้านค้าขายเสื้อผ้าของที่ระลึกมากมาย ไกด์บอกว่าที่นี่รับเงินบาท ต่อรองเป็นเงินบาทได้ ราคาสินค้าขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้ซื้อให้ต่อรองราคาก่อนซื้อ  บอกราคาคร่าวๆของ สินค้ายอดฮิตของที่นี่คือชุดอ๊าวหญ่าย ราวๆ200-300บาทพร้อมบอกเทคนิคการต่อรอง หากพอใจก็ซื้อหากไม่พอใจราคาให้ค่อยๆเดินออก ถ้าแม่ค้าเห็นว่าขายได้ก็จะเรียกเรากลับไปซื้อเอง ทดลองแล้วได้ผลครับได้ชุดอ๊าวหญ่ายสีแดงมา1ชุดจาก350บาทซื้อมาราคา200 บาท  เมื่อช้อปปิ้งเสร็จแล้วจึงขึ้นรถเดินทางต่อไปยังพระราชวังไดโนย(Dai Noi) 

               

            วังไดโน่ย เป็นที่ประทับของกษัตริย์ราชวงศ์เหงียนจนถึงปีพ.ศ 2488 ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบบคอมมิวนิสต์ เป็นพระราชวังแห่งสุดท้ายของเวียตนาม    UNESCO ประกาศให้เป็นมรดกโลก  เป็นราชวังที่สวยงามมาก มีคูน้ำล้อมรอบ เราเดินชมและถ่ายรูปที่หน้าวัง ไม่ได้เข้าไปข้างในเพราะวังนี้ถูกระเบิดของสหรัฐทำลายจนพังยับเยินในช่วงสงครามเวียตนาม ช่วงนี้ปิดอยู่ระหว่างก่อสร้างขึ้นใหม่ให้เหมือนของเดิม คงใช้เวลาสัก4-5ปีจึงจะแล้วเสร็จ




            จากวังไดโน่ย เราเดินไปลานสนามหญ้าหน้าวัง   ตรงถนนที่มีปืนใหญ่จำนวนกระบอกซึ่งสร้างสมัยกษัตริย์ยาลอง เชื่อว่าเป็นปืนของเทพเจ้าแสดงถึงแสนยานุภาพของราชวงศ์เหงียน     ข้างๆมีรถสามล้อซิโคล่( Cyclo )ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาวเวียตนาม จอดเรียงรายรอคณะทัวร์อยู่   ไกด์ให้เราขึ้นไปนั่งคันละ 1 คน จากนั้นขบวนซิโคล่ก็พากันเคลื่อนตามถนนเลาะชมทัศนียภาพรอบวังและร้านค้าข้างถนน  รถพาเรามุ่งสู่ตลาดดงบา 


             นั่งซิโคล่เราจะอยู่ด้านหน้าของตัวรถ ทำให้เห็นทัศนียภาพข้างหน้าชัดเจนเพลินเพลินสนุกดี แต่พอเข้าเขตเมืองที่มีรถพลุกพล่านก็เริ่มตื่นเต้น รถสามล้อขับฝ่าเข้าไปตามกระแสจราจรที่คับคั่งรถมอเตอร์ไซด์ รถยนต์ วิ่งกันขวักไขว่น่าหวาดเสียว ในที่สุดก็มาถึงตลาดดงบาโดยสวัสดิภาพ นั่งซิโคล่หากมาเวียตนามแล้วไม่ได้นั่งน่าเสียดายครับ (จากการสอบถามโดยทั่วไปค่านั่งคนละ 40,000 VND )


            ตลาดดงบา( Don Ba Market) เป็นตลาดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาจับจ่ายซื้อสินค้ากลับบ้าน  เป็นตลาดขนาดใหญ่  มีสินค้าหลากหลายตั้งแต่ของกิน ชา กาแฟ ผลไม้อบแห้ง ปลาหมึกแห้ง ของแห้งสารพัด ข้าวของเครื่องใช้ถ้วยน้ำชา แจกัน รองเท้า เสื้อผ้า กระเป๋าเดินทาง นาฬิกาแบรนเนมหลากหลายยี่ห้อที่นี่เขาบอกว่าก๊อบเกรดA ท่านใดที่สนใจเลือกหาได้ ของที่ระลึกต่างๆซื้อที่นี่ราคาถูกครับ  ท่านใดจะซื้อเสื้ออ๊าวหญ่ายซื้อตลาดนี้ได้ครับ หากเดินเมื่อยแล้ว ลองเดินออกไปรอบข้างตลาดจะมีหาบเร่ขายผลไม้คล้ายๆบ้านเรา มีร้านขานเฝอ ขายขนมหวาน มีเก้าอี้ตัวเล็กๆนั่งทานได้   ตลาดดงบาแม่ค้าพ่อค้าพูดภาษาไทยได้ ใช้เงินบาท จับจ่ายซื้อสินค้าได้ การต่อรองถ้าต่อรองเป็นเงินสกุลไหนก็ต้องจ่ายด้วยเงินสกุลนั้นนะครับ  มาเที่ยวเว้ ตลาดนี้ก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน 


  
จากตลาดดงบา รถพาเราตรงไป ท่าจอดเรือมังกรแม่น้ำหอม(Toa Kham Pier)


         แม่น้ำหอม(Song Huong,Perfume River) เป็นแม่น้ำสายสั้นๆที่ไหลผ่านกลางเมืองเว้   เกิดจากต้นน้ำที่มีดอกไม้ป่าจำนวนมากส่งกลิ่นหอม ร่วงลงมากับน้ำ คนจึงเรียกกันว่าแม่น้ำหอม

          ที่ท่าเรือมีเรือมังกรจอดเรียงรายอยู่ราวๆ20 ลำ  เรือมังกร หัวเรือเป็นรูปมังกรหัว   ตัวเรือเป็นสี่ด้านเป็นกระจกเปิดเลื่อนได้ จุคนได้ราวๆ50คน ใช้เครื่องยนต์ดีเซลตอนเรือแล่นจึงมีเสียงค่อนข้างดัง  เรือพาเราไปล่องแม่น้ำหอมซึ่งดูจะกว้างกว่าแม้น้ำเจ้าพระยาช่วงผ่าน กทม.นิดหน่อย แล่นลอดผ่าน    สะพานเจื่องเทียน ไปลอยลำอยู่กลางแม่น้ำ บนเรือมีการแสดงดนตรีพื้นเมืองที่เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม มีนักร้องร้องเพลงพื้นเมืองรวมทั้งเพลงไทยให้ฟัง   พนักงานร้องเสนอขายเบียร์เป็นระยะๆ เบียร์ขายกระป๋อง100 บาท (ไม่ได้ซื้อครับถ้าขายกระป๋องเดียวจะลองอยู่



เพลิดเพลินกับการชมแสงสีบนสะพานเจื่องเทียน    การล่องเรือครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเน้นดูดนตรีพื้นเมืองมากกว่าจริงๆแล้วเรือไม่ได้ล่องไปไหน  ลอยลำอยู่กลางแม่น้ำราวๆ1ชั่วโมง (ท่านใดที่สนใจการล่องเรือชั่วโมงพร้อมทานอาหารค่ำค่าใช้จ่ายราว2,200บาทต่อคน จากนั้นเรือเข้าจอดท่า ส่งเราขึ้นรถบัสเพื่อไปทานอาหารค่ำที่ภัตตาคารViber ในตัวเมือง

                  มื้อนี้ทานอาหารเวียตนาม มีผัดหอยลาย กุ้งอบ ไข่เจียวแบบเวียตนาม ผัดผัก ปอเปี่ยะ ต้มซุบ รสชาติจืดๆสู้เฝอมื้อเที่ยงไม่ได้ครับ จึงทานไม่ค่อยเยอะ ดังนั้น เมื่อถึงโรงแรม เอาของเข้าห้องพักแล้ว เราจึงต้องไปหาทานต่อที่ถนนคนเดินบริเวณโรงแรมที่พัก ซึ่งช่วงเย็นถึงดึกบริเวณกลางเมืองเว้  เขาปิดถนนบางช่วงทำเป็นถนนคนเดิน  สองข้างถนนมีร้านค้ามากมายทั้งร้านอาหาร บาร์เบียร์ แผงลอยขายของต่างๆ  จนถึงรถเข็นขายอาหารที่มีเก้าอี้ตัวเล็กให้นั่งทาน เราได้นั่งสัมผัสกับบรรยากาศวิถีชิวิตชาวเว้ สั่งขนมเบื้อง และไอศครีมที่เสริฟมาในลูกมะพร้าวอ่อน อร่อยมากครับ หมดไป120,000 ดอง หากมีโอกาสมาพักที่เว้อย่าลืมมาชิมนะครับ  อิ่มแล้วจึงเข้าพักโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆ พักผ่อนเตรียมไปเที่ยวต่อในวันรุ่งขึ้น


เที่ยวSalzburg ประเทศออสเตรีย

           Salzburg ชื่อนี้อาจไม่คุ้นนัก แต่หากเอ่ยถึงภาพยนต์เพลงชื่อก้องโลก The Sound of Music แล้วทุกคนคงรู้จัก หนังเรื่องนี้ถ่ายทำในเมือ...