เที่ยว Vietnam กับทัวร์ Ep. 4. นั่งเรือกระด้ง ล่องแม่น้ำ

google.com, pub-9296050589314666, DIRECT, f08c47fec0942fa0







     เที่ยวเวียตนามกลาง สิ่งที่พลาดไม่ได้คือการนั่งเรือกระด้งลอยกลางแม่น้ำ ทัวร์ทุกบริษัทต้องบรรจุรายการนี้ไว้ในโปรแกรม ทัวร์ใดไม่มี ไม่มีคนซื้อทัวร์ครับ 

       เรือกระด้งเป็นวัตถุทรงกลมคล้ายกะลามะพร้าวผ่าครึ่ง เส้นผ่าศูนย์กลางยาวประมาณ 1.50 เมตร สทำมาจาก นำต้นจากมาผ่าเป็นเส้นแล้วนำมาสานเป็นเรือ  จากนั้นยาหรือเคลือบด้วยยางไม้หรือขี้ชันทำให้น้ำไม่ซึมผ่าน  (เช่นเดียวกับ น้ำทุ่ง ทางภาคเหนือ หรือหมาน้ำ ของภาคใต้บ้านเรา ที่สมัยก่อนนิยมใช้ตักน้ำจากบ่อน้ำ)   เรือกระด้งนี้มีแคร่ไม้พาดตรงกลางใช้เป็นที่นั่งสำหรับคนพายและคนโดยสาร การพายหากพายไม่เป็นเรือจะหมุนวน   ไกด์เล่าว่าช่วงน้ำท่วมบ้านเราในปี2554 ทางการเวียตนามส่งเรือกระด้งมาให้ไทย 1,500 ลำ แต่ไทยส่งคืนเพราะพายไม่เป็น ผมสังเกตุวิธีการพายของเขา คนพายจะนั่งตรงริมกระด้ง หันหน้าออก ใช้พายกวักน้ำเข้าหาตัวแล้วเบี่ยงซ้ายเบี่ยงขวา ด้วยความชำนาญเรือก็จะเดินหน้า




       หมู่บ้าน Cam Thanh ที่เป็นจุดล่องเรือกระด้ง เป็นหมู่บ้านอยู่ริมแม่น้ำที่มีต้นจากขึ้นอยู่เต็ม ฤดูฝนน้ำจะท่วมสูงจึงเป็นที่มาของการสร้างเรือกระด้งไว้ใช้เป็นพาหนะหลัก ต่อมาจึงพัฒนากลายเป็นเพื่อการท่องเที่ยวที่ลือชื่อ  ถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเวียตนาม หมู่บ้านนี้ห่างจากเมืองเก่าฮอยอันราวๆ 4 กิโลเมตร หากใครมาเองใช้Grab เรียกแท็กซี่มาได้ครับ ส่วนผมไปกับทัวร์นั่งรถบัสจากย่านเมืองเก่าราวๆ 10 นาทีก็ถึง จุดล่องเรือที่หมู่บ้านนี้มีอยู่หลายแห่งกระจายตามร่องน้ำต่างๆ ซื้อบัตรได้ที่จุดท่องเที่ยว ราคาประมาณ 70,000 VDNต่อคน จะแตกต่างบ้างเล็กน้อยแล้วแต่เจ้าของ ไปกับทัวร์ไม่ต้องเสียตังค์ครับรวมอยู่ในค่าทัวร์แล้ว คงจ่ายแต่ค่าทิปให้คนพายเรือลำละ 100 บาทครับ 


       เรือกระด้งที่ใช้ท่องเที่ยวนี้เขาให้นั่ง ได้คนรวมทั้งคนพาย เวลานั่งห้ามจับขอบกระด้งนะครับ หากเรือกระด้งเบียดกันจะถูกมือแตกบาดเจ็บได้ได้ให้มือจับที่ราวไม้ด้านหลัง  ในเรือกระด้งมี งอบ หรือหมวกแบบเวียตนาม ให้ใส่ครับ ท่านที่ห่วงเรื่องความปลอดภัย ที่เรือมีเสื้อชูชีพให้สวมใส่เมืออยู่กลางแม่น้ำ ส่วนที่บริเวณท่าเรือเป็นร่องน้ำเล็กกลางดงต้นจาก น้ำตื้นครับ  แต่ไม่ขอตกดีกว่า เท่าที่ทราบไม่เคยมีนักท่องเที่ยวตกน้ำครับ คนพายแต่ละคนเป็นคนในหมู่บ้านที่ชำนาญในการบังคับเรือ เรือ กระด้งของแต่ละเจ้าของหรือแต่ละท่า มีอยู่ไม่ต่ำกว่า 20 ลำ คนพายเรือแต่ละคนจะสวมเสื้อทีมของแต่ละท่า  ทำให้ดูเป็นระเบียบและแยกแยะได้ชัดเจน 


       คณะทัวร์เรามี30 คน บวกไกด์คนไทย 1 คน (ไกด์เวียตนามไม่ขึ้น คงนั่งจนเบื่อละ)ใช้เรือ 16 ลำ ไกด์จะตามไปถ่ายรูปแต่ละลำให้ แต่อาจไม่ทันใจหรือถ่ายไม่ครบไกด์จึงบอกว่าให้คนนั่งเรือลำอื่นช่วยถ่ายรูปให้จะได้รูปสมใจครับ  หากท่านใดไปเที่ยวเอง ไปกันคน ผมขอแนะนำให้นั่งกระด้งละคน ผลัดกันถ่ายรูป จึงจะได้รูปเก็บไว้อวดเพื่อนๆครับที่เวียตนามนักท่องเที่ยวไทยเป็นนักท่องเที่ยวหลัก ที่ป้ายแหล่งท่องเที่ยวต่างๆมักจะมีภาษาไทยกำกับ ที่ท่าเรือหมู่บ้านกระด้งก็เช่นกัน ที่ท่าเรือเขาเปิดเพลงลูกทุ่งไทยเอาใจนักท่องเที่ยวไทย ฝีพายก็ฟังภาษาไทยพอได้นะครับ หากเราอยากให้เขาหมุนเรือก็บอกเขาได้ เขาจะหมุนให้ ช้าเร็วตามเราขอได้ครับ

      เรือกระด้งค่อยๆพายพาคณะเราออกจากท่า ที่เป็นคลองเล็กๆ กลางดงต้นจาก สู่คลองสาขาที่ค่อยๆกว้างขึ้น ต่างคนต่างเพลิดเพลิน บ้างก็ให้หมุนเรือ บ้างก็เพลินกับการถ่ายรูป


 ความรู้สึกตอนนั่งเรือกระด้ง สบายๆชิลๆครับ อาจเป็นเพราะคุ้นเคยกับน้ำมาตั้งแต่เด็ก ส่วนผู้ที่ว่ายน้ำไม่เป็นอาจจะรู้สึกหวาดๆบ้าง แต่ไม่ต้องห่วงครับ แม่น้ำไม่มีคลื่น คนพายก็พาดเรียบร้อยไม่หวาดเสียว    

       เมื่อคณะของพวกเรามาพร้อมกันทุกลำแล้ว ขบวนเรือกระด้ง 16 ลำก็ค่อยๆเคลื่อนออกไปจากลำคลองป่าต้นจากพายไปร้องฮุยเลฮุยโต้กันไปไปอย่างสนุกสนาน เข้าสู่แม่น้ำสายหลักที่สองข้ฝั่งคลอง เป็นบ้านเรือน เรือมุ่งหน้าไปยังกลางแม่น้ำ เช่นเดียวกับขบวนเรือจากท่าอื่นๆ 


 ที่กลางแม่น้ำมีการแสดงการหมุนเรือกระด้ง เมื่อขบวนเรือต่างๆลอยลำรายล้อมแล้ว ก็เริ่มแสดงการหมุนเรือกระด้ง  ฝีพายหมุนเรือกระด้งอย่างคล่องแคล่วและเร็วตามจังหวะเพลงมันๆที่เปิด   นับว่าน่าดูชมเป็นอย่างยิ่ง 

  
จากจุดโชว์หมุนเรือกระด้ง เรือแต่ละขบวนต่างแยกย้ายไปตามเรือกระด้งที่ยกพื้นเป็นเวทีดนตรีกลางน้ำ ซึ่งเป็นจุดร้องเพลง  เพื่อให้นักท่องเที่ยวร่วมร้อง และเต้น เพลงที่เปิดเป็นเพลงตามชาติของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ลอยเรือล้อมรอบ  ถ้าเป็นเกาหลีก็จะเปิดเพลงเกาหลี  พอพวกเราเทียบเรือดนตรีก็ร้องเพลงไทยทั้งเต่างอย  ขอใจแลกเบอร์โทร และอีกหลายๆเพลงให้ร่วมกันร้องและขึ้นเต้นบนแพ  สนุกดี  ร้อง เต้นสักพัก ก็ล่องเรือกลับ   ระหว่างนั่งกลับผมขอให้เขาหมุนช้าๆ เขาหมุนให้ 6 รอบครับ สุกดี ไม่มีเสียว

      ขากลับมีเรือหลายๆขบวนพายกลับด้วยกันกลายเป็นขบวนใหญ่เต็มคุ้งน้ำ พายไปร้องเพลงกันไป เมื่อถึงซอยแยกเล็กๆที่เป็นทางเข้าของแต่ละท่า ขบวนเรือแต่ละกลุ่มก็ทยอยเข้าไปท่าใครท่ามัน

 พอเรือถึงท่า ก่อนขึ้นอย่าลืมให้ทิปคนพายนะครับ 100 บาทต่อลำ ใช้เงินบาทได้เลยครับ   การนั่งเรือกระด้งนี้ใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมง คุ้มค่าครับ  นับว่าการนั่งเรือกระด้งที่นี่ สนุกสนาน เพลิดเพลิน เป็นประสบการณ์ที่หาได้ยาก ต้องมาลองนั่งสักครั้งครับ  แต่ไม่ควรไปช่วงฤดูฝน หรือช่วงมรสุม นะครับ 

      

        

          


เที่ยวVietnamกับทัวร์: Ep.3 เมืองมรดกโลก Hoi An

google.com, pub-9296050589314666, DIRECT, f08c47fec0942fa0


                 เที่ยวกับทัวร์วันที่เดินทางจากเว้ มุ่งหน้าเมืองดานัง เพื่อไปเที่ยวฮอยอันซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของทริปนี้  รถบัสใช้เส้นทางเดิมที่เลียบชายฝั่งทะเลและลอดอุโมงค์ยาว 6 กิโลเมตร  ตามประสาไปกับทัวร์ จะต้องมีรายการแวะร้านค้าร้านขายของที่จัดไว้สำหรับนักท่องเที่ยวที่มากับบริษัทนำเที่ยวต่างๆ แต่ผมขอข้ามรายละเอียดในส่วนที่ทัวร์พาแวะร้านต่างๆทั้งร้านขายเยื่อไผ่ ที่มีสินค้าจากเยื่อไผ่สารพัดมานำเสนอขายตั้งแต่ผ้าซับมันในห้องครัวจนถึงชุดชั้นในท่านชายที่สวมใส่แล้วทำให้น้องชายมีสุขภาพแข็งแรง   ร้านขายไข่มุก  และร้านขายหินอ่อนแกะสลัก ร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมของแท้ชื่อคล้ายลิง   ร้านค้าเหล่านี้ผู้เข้าชมหรือนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่พบเป็นคณะทัวร์จากสยามประเทศซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวหลักของเวียตนาม    ทัวร์นี้ดีอย่างหนึ่งคือ ไม่มีกระตุ้นให้ซื้อของแบบที่ทัวร์เกาหลีครับ 

        ฮอยอันอยู่ห่างจากตัวเมืองดานังระยะทาง ราว 29 กิโลเมตร นั่งรถบัสประะมาณ 45 นาทีก็ถึง  (หากท่านใดเดินทางเองมีรถบัสจากดานังไปค่าตั๋ว 18,000 VNDหรือจะนั่งรถตู้จากสนามบินดานังก็ได้ราคาประมาณ220 บาทต่อท่าน เมืองนี้สมัยก่อนเป็นเมืองท่าสำคัญที่เป็นแหล่งค้าขายสินค้าสำคัญ อาทิ ผ้าไหม เครื่องปั้นดินเผา เครื่องเทศต่างๆ ที่ชาวต่างประเทศ ทั้ง จีน ญี่ปุ่น อินเดีย  ฝรั่งเศส ดัตช์  มาค้าขายและ ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่    

         ฮอยอัน ได้รับการประกาศจากUNESCOให้เป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม ในปี 2542 เป็นเมืองที่มีอาคารบ้านเรือนสมัยโบราณผสมผสานกันระหว่างศิลปะพื้นเมืองกับศิลปะต่างชาติได้อย่างกลมกลืน มีบ้านเรือนสีเหลืองมัสตาร์ดเป็นเอกลักษณ์  เมืองนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยี่ยมชม

  


  การเข้าชมย่านเมืองเก่าฮอยอันต้องเสียค่าเข้าชมคนละ120,000 VNDซื้อตั๋วได้บริเวณทางเข้าเมืองเก่าไดัครับ   ส่วนผมมากับทัวร์ ไม่ต้องรอคิวซื้อตั๋ว ไกด์จัดการซื้อให้ซึ่งรวมอยู่ในค่าทัวร์แล้ว


  พอได้ตั๋วเสร็จทั้งคณะก็พากันเดินตามไกด์เข้าชมเมืองเก่าซึ่งเป็นถนนคนเดินกว้างราวๆเมตร 2 ข้างทางเป็นอาคารบ้านเรือนโบราณ ครึ่งตึกครึ่งไม้ ที่ด้านล่างส่วนใหญ่แปรสภาพเป็นร้านค้า ขายของศิลปะและหัตถกรรมพื้นบ้าน  ของที่ระลึก ร้านกาแฟ ร้านอาหาร

 และมีบ้านโบราณที่คงสภาพเดิมไว้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ทุกซอกทุกมุม สิ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมคือการขึ้นไปชั้นบนไปยืนบนระเบียงหน้าบ้าน ถ่ายรูป ชมหมู่บ้านจากที่สูง และให้คนที่อยู่ด้านล่างอีกฝั่งถ่ายรูปเป็นที่ระลึก  





เดินต่อไปเรื่อยๆจะพบสะพานโบราณ ทอดข้ามเชื่อมกับอีกฝั่งคลอง เรียกกันว่าสะพานญี่ปุ่น  ที่ชาวญี่ปุ่นสมัยก่อนสร้างขึ้นมาสะพานนี้เป็นสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นที่สวยงามมาก   แต่น่าเสียดายที่ช่วงนี้อยู่ระหว่างการซ่อมแซมปรับปรุงจึงมีสิ่งก่อสร้างบดบังสะพานไว้บางส่วน  เมื่อข้ามสะพานนี้แล้วจะเป็นชุมชนญี่ปุ่นที่มีบ้านเรือนแบบญี่ปุ่น   



 
ถัดจากนั้นเป็นชุมชนชาวจีน มีวัดฟุ๊กเกี๋ยนที่เป็นศิลปจีนตั้งอยู่   สามารถเข้าไปสักการะพระพุทธรูป  ชมสถาปัตยกรรมจีนและสวนมังกรที่อยู่ด้านหลังวัด อย่าพลาดการเข้าชมนะครับ สวยงามมาก

       จากวัดฟุ๊กเกี๋ยน จะมีถนนตรงไปสู่แม่น้ำ Thu Bon ที่ไหลผ่านเมืองเก่า ซึ่งอีกฝั่งหนึ่งเป็นย่านเมืองใหม่   โดยมีสะพานคอนกรีตเชื่อมระหว่างกัน    จุดที่ไม่ควรพลาดคือตรงกลางสะพานที่สามารถมองเห็นแม่น้ำที่เรือแล่นสัญจรไปมา ทิวทัศน์ของทั้งเมืองเก่าและเมืองใหม่



    จากนั้นเดินเลาะริมแม่น้ำย่านฝั่งเมืองเก่าไปทางคลองที่เป็นที่ตั้งของสะพานญี่ปุ่น ย้อนกลับทางเดิม  ยังพอมีเลาเหลือจึงมองหากาแฟเวียตนามอร่อยๆทาน ไกด์บอกว่าที่นี่กาแฟเกลือ กับกาแฟน้ำมันมะพร้าวอร่อยมาก เลยเดินหาร้านกาแฟที่ตกแต่งร้านสวยๆจนมาเจอร้านSakura ที่ตกแต่งสวยงาม มีขายทั้งอาหารและกาแฟ  เจ้าของร้าน      นำเสนอกาแฟไข่เวียตนาม( Ca phe trung)เป็นกาแฟใส่ไข่ไก่สด  เลยขอลองบ้าง ส่วนกาแฟใส่เกลือเคยทานแล้วที่บ้านตอนหยิบขวดน้ำตาลผิด กลายเป็นขวดใส่เกลือ  กาแฟไข่แก้วนี้รอกว่า10นาทีจึงนำมาเสริฟ น้ำกาแฟสีออกเหลืองนวล ข้นกว่าคาปูชิโนนิดหน่อย เนื้อเนียนมาก ไม่มีกลิ่นคาวของไข่  กลิ่นหอมมาก ดื่มแล้วนุ่มลิ้น รสชาติอร่อยเป็นเลิศครับ สนนราคาก็ไม่แพง 45 บาทเท่านั้น ต้องมาลองนะครับจะติดใจลืมกาแฟเกลือที่บ้านไปได้เลย     


             นั่งจิบกาแฟ ดูผู้คนเดินไปมา พอได้เวลานัดหมายจึงเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถ ห่างออกไปสัก200 เมตร ต้องเดินข้ามถนนไปเอง  ข้ามตามแบบคนเวียตนาม คือค่อยๆเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ห้ามวิ่ง ห้ามลังเล ห้ามหยุดนะครับ ค่อยๆเดินรถจะหลบเราเอง รอดปลอดภัยครับ  แต่ห้ามนำเทคนิคนี้มาใช้ที่บ้านเรานะครับ เดี๋ยวรถบุบ

                ฮอยอัน น่าเที่ยวมากครับ โอกาสหน้าจะมาเที่ยวใหม่ เที่ยวฮอยอันควรมาเที่ยวเองครับจะได้อยู่นานๆ นอนพักสักคืนสองคืน จะได้มีเวลาเที่ยวหลายๆจุด สัมผัส ดื่มด่ำกับบรรยายกาศ วิถีชิวิตผู้คน ทั้งเช้ากลางวันและกลางคืนได้เต็มอิ่มครับ


    

เที่ยว Vietnamกับทัวร์ Ep.2 เที่ยวเมืองเว้(Hue) นั่งสามล้อขี่มังกร

google.com, pub-9296050589314666, DIRECT, f08c47fec0942fa0


 


      ต่อจากEp.ที่แล้ว เดินทางออกจากสนามบินดานัง ไปทานอาหารที่ร้านอาหารในดานัง ร้านนี้ตกแต่งด้วยโคมไฟเวียตนามสีสันสดใสสวยงาม มีอาหารเวียตนามต้นตำหรับ แหนมเนือง เฝอ เสริฟเต็มโต๊ะ มีน้ำจิ้มสารพัด ทานกันอิ่มหนำสำราญแล้วเดินทางต่อไปยังเว้ ตามถนนเลียบชายฝั่งทะเลตะวันตก รถลอดผ่านอุโมงค์ที่ยาว6,280 เมตรที่เจาะลอดเขาที่กั้นระหว่างดานัง กับ เว้  นั่งไปฟังไกด์บรรยายบ้างหลับบ้าง ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง ถึงเมืองเว้ 


         เว้  เมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม  มีโบราณสถานต่างๆมากมาย  และเป็นเมืองหลวงเก่าสมัยราชวงศ์เหงียน  เป็นเมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยว การเดินทางจากดานังไปเว้ ไปได้ทั้งทางรถยนต์และรถไฟ หากไปเที่ยวเองใช้บริการรถบัส รถลีมูซีนร่วม(รถตู้)คนละ200-300 บาท   หรือเหมารถตู้ราวๆ1,800 บาทครับ

            รถมุ่งตรงไปยังวัดเทียนมู่ (Thien Mu Pagoda) จอดรถตรงลานจอดแล้วไกด์พานำเดินไปที่วัดเจดีย์เทียนมู่    วัดเทียนมู่ มีเจดีย์ทรงเก๋งจีนขนาดใหญ่ 8 เหลี่ยม 7 ชั้น มีศิลาจารึกและระฆังขนาดใหญ่หนักถึง2,000 กิโลกรัม มีอาคารประดิษฐานพระพุทธรูป สามารถเข้าไปสักการะบูชาได้ครับ



  วัดนี้เป็นวัดพุทธนิกายมหายาน ที่มีอายุเก่าแก่หลายร้อยปี มีสวนญี่ปุ่น มีต้นไม้แคระสวยงามน่าดูชม ทั้งยังมีรถออสตินที่เป็นของอดีตเจ้าอาวาสที่เผาตัวเองประท้วงที่ทางการบังคับให้ประชาชนนับถือศาสนาคริสต์ ไว้ตั้งแสดงด้วย     นับเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดหากได้มาเมืองเว้ 
                   หลังจากเดินชม และถ่ายรูปเป็นเวลา 30 นาทีแล้วจึงเดินกลับไปที่จุดจอดรถซึ่งมีร้านค้าขายเสื้อผ้าของที่ระลึกมากมาย ไกด์บอกว่าที่นี่รับเงินบาท ต่อรองเป็นเงินบาทได้ ราคาสินค้าขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้ซื้อให้ต่อรองราคาก่อนซื้อ  บอกราคาคร่าวๆของ สินค้ายอดฮิตของที่นี่คือชุดอ๊าวหญ่าย ราวๆ200-300บาทพร้อมบอกเทคนิคการต่อรอง หากพอใจก็ซื้อหากไม่พอใจราคาให้ค่อยๆเดินออก ถ้าแม่ค้าเห็นว่าขายได้ก็จะเรียกเรากลับไปซื้อเอง ทดลองแล้วได้ผลครับได้ชุดอ๊าวหญ่ายสีแดงมา1ชุดจาก350บาทซื้อมาราคา200 บาท  เมื่อช้อปปิ้งเสร็จแล้วจึงขึ้นรถเดินทางต่อไปยังพระราชวังไดโนย(Dai Noi) 

               

            วังไดโน่ย เป็นที่ประทับของกษัตริย์ราชวงศ์เหงียนจนถึงปีพ.ศ 2488 ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบบคอมมิวนิสต์ เป็นพระราชวังแห่งสุดท้ายของเวียตนาม    UNESCO ประกาศให้เป็นมรดกโลก  เป็นราชวังที่สวยงามมาก มีคูน้ำล้อมรอบ เราเดินชมและถ่ายรูปที่หน้าวัง ไม่ได้เข้าไปข้างในเพราะวังนี้ถูกระเบิดของสหรัฐทำลายจนพังยับเยินในช่วงสงครามเวียตนาม ช่วงนี้ปิดอยู่ระหว่างก่อสร้างขึ้นใหม่ให้เหมือนของเดิม คงใช้เวลาสัก4-5ปีจึงจะแล้วเสร็จ




            จากวังไดโน่ย เราเดินไปลานสนามหญ้าหน้าวัง   ตรงถนนที่มีปืนใหญ่จำนวนกระบอกซึ่งสร้างสมัยกษัตริย์ยาลอง เชื่อว่าเป็นปืนของเทพเจ้าแสดงถึงแสนยานุภาพของราชวงศ์เหงียน     ข้างๆมีรถสามล้อซิโคล่( Cyclo )ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาวเวียตนาม จอดเรียงรายรอคณะทัวร์อยู่   ไกด์ให้เราขึ้นไปนั่งคันละ 1 คน จากนั้นขบวนซิโคล่ก็พากันเคลื่อนตามถนนเลาะชมทัศนียภาพรอบวังและร้านค้าข้างถนน  รถพาเรามุ่งสู่ตลาดดงบา 


             นั่งซิโคล่เราจะอยู่ด้านหน้าของตัวรถ ทำให้เห็นทัศนียภาพข้างหน้าชัดเจนเพลินเพลินสนุกดี แต่พอเข้าเขตเมืองที่มีรถพลุกพล่านก็เริ่มตื่นเต้น รถสามล้อขับฝ่าเข้าไปตามกระแสจราจรที่คับคั่งรถมอเตอร์ไซด์ รถยนต์ วิ่งกันขวักไขว่น่าหวาดเสียว ในที่สุดก็มาถึงตลาดดงบาโดยสวัสดิภาพ นั่งซิโคล่หากมาเวียตนามแล้วไม่ได้นั่งน่าเสียดายครับ (จากการสอบถามโดยทั่วไปค่านั่งคนละ 40,000 VND )


            ตลาดดงบา( Don Ba Market) เป็นตลาดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาจับจ่ายซื้อสินค้ากลับบ้าน  เป็นตลาดขนาดใหญ่  มีสินค้าหลากหลายตั้งแต่ของกิน ชา กาแฟ ผลไม้อบแห้ง ปลาหมึกแห้ง ของแห้งสารพัด ข้าวของเครื่องใช้ถ้วยน้ำชา แจกัน รองเท้า เสื้อผ้า กระเป๋าเดินทาง นาฬิกาแบรนเนมหลากหลายยี่ห้อที่นี่เขาบอกว่าก๊อบเกรดA ท่านใดที่สนใจเลือกหาได้ ของที่ระลึกต่างๆซื้อที่นี่ราคาถูกครับ  ท่านใดจะซื้อเสื้ออ๊าวหญ่ายซื้อตลาดนี้ได้ครับ หากเดินเมื่อยแล้ว ลองเดินออกไปรอบข้างตลาดจะมีหาบเร่ขายผลไม้คล้ายๆบ้านเรา มีร้านขานเฝอ ขายขนมหวาน มีเก้าอี้ตัวเล็กๆนั่งทานได้   ตลาดดงบาแม่ค้าพ่อค้าพูดภาษาไทยได้ ใช้เงินบาท จับจ่ายซื้อสินค้าได้ การต่อรองถ้าต่อรองเป็นเงินสกุลไหนก็ต้องจ่ายด้วยเงินสกุลนั้นนะครับ  มาเที่ยวเว้ ตลาดนี้ก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน 


  
จากตลาดดงบา รถพาเราตรงไป ท่าจอดเรือมังกรแม่น้ำหอม(Toa Kham Pier)


         แม่น้ำหอม(Song Huong,Perfume River) เป็นแม่น้ำสายสั้นๆที่ไหลผ่านกลางเมืองเว้   เกิดจากต้นน้ำที่มีดอกไม้ป่าจำนวนมากส่งกลิ่นหอม ร่วงลงมากับน้ำ คนจึงเรียกกันว่าแม่น้ำหอม

          ที่ท่าเรือมีเรือมังกรจอดเรียงรายอยู่ราวๆ20 ลำ  เรือมังกร หัวเรือเป็นรูปมังกรหัว   ตัวเรือเป็นสี่ด้านเป็นกระจกเปิดเลื่อนได้ จุคนได้ราวๆ50คน ใช้เครื่องยนต์ดีเซลตอนเรือแล่นจึงมีเสียงค่อนข้างดัง  เรือพาเราไปล่องแม่น้ำหอมซึ่งดูจะกว้างกว่าแม้น้ำเจ้าพระยาช่วงผ่าน กทม.นิดหน่อย แล่นลอดผ่าน    สะพานเจื่องเทียน ไปลอยลำอยู่กลางแม่น้ำ บนเรือมีการแสดงดนตรีพื้นเมืองที่เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม มีนักร้องร้องเพลงพื้นเมืองรวมทั้งเพลงไทยให้ฟัง   พนักงานร้องเสนอขายเบียร์เป็นระยะๆ เบียร์ขายกระป๋อง100 บาท (ไม่ได้ซื้อครับถ้าขายกระป๋องเดียวจะลองอยู่



เพลิดเพลินกับการชมแสงสีบนสะพานเจื่องเทียน    การล่องเรือครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเน้นดูดนตรีพื้นเมืองมากกว่าจริงๆแล้วเรือไม่ได้ล่องไปไหน  ลอยลำอยู่กลางแม่น้ำราวๆ1ชั่วโมง (ท่านใดที่สนใจการล่องเรือชั่วโมงพร้อมทานอาหารค่ำค่าใช้จ่ายราว2,200บาทต่อคน จากนั้นเรือเข้าจอดท่า ส่งเราขึ้นรถบัสเพื่อไปทานอาหารค่ำที่ภัตตาคารViber ในตัวเมือง

                  มื้อนี้ทานอาหารเวียตนาม มีผัดหอยลาย กุ้งอบ ไข่เจียวแบบเวียตนาม ผัดผัก ปอเปี่ยะ ต้มซุบ รสชาติจืดๆสู้เฝอมื้อเที่ยงไม่ได้ครับ จึงทานไม่ค่อยเยอะ ดังนั้น เมื่อถึงโรงแรม เอาของเข้าห้องพักแล้ว เราจึงต้องไปหาทานต่อที่ถนนคนเดินบริเวณโรงแรมที่พัก ซึ่งช่วงเย็นถึงดึกบริเวณกลางเมืองเว้  เขาปิดถนนบางช่วงทำเป็นถนนคนเดิน  สองข้างถนนมีร้านค้ามากมายทั้งร้านอาหาร บาร์เบียร์ แผงลอยขายของต่างๆ  จนถึงรถเข็นขายอาหารที่มีเก้าอี้ตัวเล็กให้นั่งทาน เราได้นั่งสัมผัสกับบรรยากาศวิถีชิวิตชาวเว้ สั่งขนมเบื้อง และไอศครีมที่เสริฟมาในลูกมะพร้าวอ่อน อร่อยมากครับ หมดไป120,000 ดอง หากมีโอกาสมาพักที่เว้อย่าลืมมาชิมนะครับ  อิ่มแล้วจึงเข้าพักโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆ พักผ่อนเตรียมไปเที่ยวต่อในวันรุ่งขึ้น


เที่ยวSalzburg ประเทศออสเตรีย

           Salzburg ชื่อนี้อาจไม่คุ้นนัก แต่หากเอ่ยถึงภาพยนต์เพลงชื่อก้องโลก The Sound of Music แล้วทุกคนคงรู้จัก หนังเรื่องนี้ถ่ายทำในเมือ...