เที่ยวHallstatt ประเทศออสเตรีย ดินแดนในฝัน

 



Hallstatt see ยามเช้า


        เมืองHallstatt เมืองมรดกโลกของAustria ดินแดนแห่งความฝันของหลายคนที่อยากมาเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต ถึงแม้ได้มาแล้วก็อยากมาเยือนอีก เมืองนี้นับว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดของออสเตรียเลยก็ว่าได้ และเป็นเมืองที่ห่างไกลการเดินทางไม่สะดวกนัก ต้องผ่านถนนที่คดเคี้ยว หรือนั่งรถไฟ รถบัสหลายต่อทั้งต้องนั่งเรือข้ามทะเลสาบไปอีกจึงจะถึงจุดหมาย

        


         ตอนที่แล้วเล่าถึงรายละเอียดการเดินทางจากMunich สู่Hallstat ด้วยรถไฟ ต่อรถบัส รถไฟ และนั่งเรือFerry ข้ามทะเลสาบขึ้นฝั่งที่หมู่บ้านHallstatt ตอนนี้จะไปดื่มด่ำกับบรรยากาศของHallstatt ทั้งตอนบ่าย และตอนเช้าตรู่ที่อุหภูมิติดลบ ในLocation ระดับความสูงตั้งแต่ริมทะเลสาบจนถึงยอดเขาครับ

            




          เรือFerry นำผู้โดยสารกว่า30คนเข้าสู่ฝั่งหมู่บ้าน เมื่อเรือเทียบท่า ตรงใกล้ๆกับโบสถ์Evangelisch Pfarrkirche ที่เป็นLanmarkของเมืองนี้   นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต่างพากันเดินไปยังถนนลาดยางด้านขวาของหมู่บ้านขึ้นเนินเลียบทะเลสาบไปราว150 เมตรที่จุดถ่ายรูปวิวมหาชนที่ถือเป็นsignatureของHallstatt 

         


          
        จุดนี้มีความยาวราวๆ20 เมตร นักท่องเที่ยวเยอะ บ้างส่งเสียงดัง ซึ่งจะเป็นแบบนี้ตลอดวันจนทำให้ชาวบ้านที่อยู่แถบบนั้นต้องขึ้นป้ายขอความร่วมมือห้ามส่งเสียงดังรบกวน 
       



        ช่วงที่เรามาดูมุมนี้ก็เช่นกัน นักท่องเที่ยวต่างชิงมุมถ่ายรูป จึงทำให้ไม่เพลิดเพลินเท่าที่ควร ประกอบกับมุมนี้ต้องถ่ายรูปย้อนแสง จึงทำให้ภาพถ่ายออกมาไม่ได้ดังใจ



             

       




  โชคดีที่เราวางแผนนอนพักค้างที่นี่ ดังนั้นไว้พรุ่งนี้เช้าตรู่ต้องมาเก็บบรรยากาศและถ่ายภาพให้ได้ใกล้เคียงกับภาพในโปสการ์ด
Hallstatt see ยามบ่าย

        

    จากนั้นเดินไปขึ้นชมทะเลสาบในมุมอื่น ชมบ้านเรือนบนเนินเขา  มีแมวเหมียวนางแบบมาโพสต์ท่าให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพ

      





      เดินไต่บันไดขึ้นไปบริเวณโบสถ์คาโทลิค Pfarrkirche จุดนี้จะได้เห็นวิวทะเลสาบ ภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะและเงาที่ทอดสะท้อนในทะเลสาบ ประกอบกับภาพมุมสูงของหมู่บ้าน  พร้อมกับภาพโบสถ์Evangelische Pfarrkirche  โบสถ์โบราณหลังเล็กๆกลางหมู่บ้าน ที่เป็นLanmark สำคัญของHallstatt ถือเป็นสัญลักษณ์ของHallstattเลยทีเดียวซึ่งผู้ที่มาHallstattถ้าไม่มีรูปนี้ติดกล้องถือว่าไม่ได้มาHallstatt ทัศนียภาพของHallstattที่มีองค์ประกอบครบแบบนี้จึงสวยงามสุดบรรยายเลยทีเดียว

     



      



          รอบๆโบสถ์มีสุสานโบราณ เล็กๆ รูปร่างแปลกตา สวยงาม  เดินชมโบสถ์และเข้านมัสการพระเยซู ข้างในโบสถ์     

         


สุสานโบราณ

          จากโบสถ์ สามารถเดินทะลุไปลานจอดรถยนต์ที่ถนนหน้าอุโมงค์ที่ทะลุผ่านทางด้านบนหมู่บ้าน ลานนี้ จะมีน้ำตกสูง ไหลลงมาแรง สวยงามมาก ซึ่งไม่คาดคิดมาก่อนว่าที่นี่จะมีน้ำตก  และจากมุมนี้สามารถชมทัศนียภาพของทะเลสาบจากมุมนี้ซึ่งสวยงามไปอีกแบบหนึ่ง

          



           จากลานจอดรถยนต์ เดินไต่บันไดลงมา ชมในหมู่บ้าน ซึ่งมีบ้านเรือนสีสรรที่สวยงามหน้าดูชม มีร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านขายของที่ระลึกต่างๆมากมายให้เลือกชมเลือกซื้อ เดินชมเพลินจนเกือบบ่าย4  แต่ร้านอาหารมีไม่กี่ร้านแต่ละร้านต้องรอคิวยาว จึงไปซื้อของที่Supermarket ท้ายหมู่บ้านซื้อไส้กรอกและหมูไปทำกับข้าวที่ที่พัก

        

บ้านเรือนตรงจัตุรัสกลางหมู่บ้าน




จัตุรัสกลางหมู่บ้าน

          วันนี้นอนพักที่นี่ จองที่พักบ้านที่ดัดแปลงเป็นอพาร์ทเม้นท์ขนาด3ชั้นแถวๆท้ายหมู่บ้านติดภูเขา และลำธาร บรรยากาศดีมากๆ

          

อพาร์ตเมนต์ที่พัก

ลำธารริมที่พัก

           เราได้อยู่ชั้น2 ซึ่งมีห้องนอน2 ห้อง ห้องสุขาซึ่งแยกจากห้องน้ำ ห้องครัวพร้อมเครื่องครัว ครบครัน พร้มโต๊ะอาหาร ห้องนั่งเล่น พักได้ถึง6 คน ราคา 220 ยูโรต่อคืน บวกภาษีอีกคนละ3 ยูโร/คืน ที่พักที่Hallstatt ค่อนข้างแพง ถ้าที่พักแถวๆริมทะเลสาบราคา300 ยูโรขึ้นไป 

          การเข้าที่พัก ใช้วิธีติดต่อทางmessage. เพื่อส่งcode กล่องเก็บกุญแจไขเอากุญแจไปเปิดประตูอพาร์ตเมนต์เอง  ขากลับเช็คเอ้าท์ ก็เช่นกันเก็บกุญแจใส่Box พร้อมจ่ายค่าภาษีใส่ซอง 9 ยูโร หย่อนลงตู้จดหมาย เป็นอันเสร็จ

            



วิวภูเขามองจากที่พัก

           ทำอาหาร หุงข้าวที่นำมาจากเมืองไทย ทานกันเสร็จราว5 โมงเย็นมืดพอดี ข้างนอกอากาศหนาวมาก เลยพักผ่อน ดูทีวี (การท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว มืดเร็ว ทำให้มีเวลาเที่ยวน้อยกว่าฤดูอื่นที่สว่างจนถึงสามสี่ทุ่ม) เปิดฮีทเตอร์ทำให้ห้องอุ่นนอนหลับสบาย

         รุ่งเช้าตั้งใจจะออกไปดูทะเลสาบตอน6 โมงเช้าที่ชาวบ้านบอกว่าช่วงนี้จะมีหมอกปกคลุมสวยงามมาก แต่พอเราตื่นขึ้นมา6 โมงเช้าข้างนอกฟ้ายังไม่ค่อยสว่างและหนาวมากๆ รอจนหกโมงครึ่งจึงยอมฝ่าความหนาวเย็นที่อุหภูมิลบ1 องศาเซลเซียส ลัดเลาะหมู่บ้านออกไปทะเลสาบ ที่ทะเลสาบยังไม่มีชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยวรายอื่นตื่นขึ้นมาเลยครับ 

          


    เรายึดทะเลสาบไว้แล้ว จุดชมวิวต่างๆเป็นของเรา จึงได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ และเลือกมุมถ่ายรูปได้สมกับความตั้งใจ ภาพหมู่บ้าน และทะเลสาบยามนี้เงียบสงบ น้ำสีคราม ฟ้าสีฟ้าสดใส สวยงามมาก ทั้งได้ชมธรรมชาติที่มีฝูงหงส์แหวกว่ายน้ำที่ใสแจ๋วเย็นยะเยือก ได้บรรยากาศยามเช้าที่แสนโรแมนติก















มุมถ่ายทางฝั่งซ้ายของหมู่บ้าน



    

       เดินชมบรรยากาศทะเลสาบ หมู่บ้าน สายน้ำลำธาร  ยามเช้าแล้วจึงกลับที่พัก ทำโจ๊กหมูทานกับกาแฟขนมปัง แล้วเก็บของออกจากที่พัก จากนั้นเดินไปสถานี  Funicular Top Hallstatt ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับที่พัก เป็นสถานีรถรางขนาดใหญ่ พาขึ้นยอดเขา เพื่อชมเหมืองเกลือ และสะพานลอยฟ้าจุดชมวิวมรดกโลกของunesco เราซื้อตั๋วแบบReturn Ticket 3 คนราคารวมภาษีแล้ว 66 ยูโร





        ตอนเช้านักท่องเที่ยวยังน้อยจึงไม่ต้องรอนาน หากสายกว่านี้ หรือเป็นฤดูท่องเที่ยวแล้วจะต้องรอนับชั่วโมงทีเดียว เราขึ้นไปชมทิวทัศน์Hallstatt บนยอดเขา ตรงสะพานลอยฟ้าหรือ Skywalk เห็นทะเลสาบและหมู่บ้านในมุมสูง สวยสุดบรรยายสมกับเป็นจุดชมวิวมรดกโลกจริงๆ นับว่าโชคดีที่ได้ขึ้นมาชม หากไม่ได้พักค้างคงอดชมความสวยงามนี้เป็นแน่










             ชมวิวมุมสูงบนskywalk แล้วนั่งFunicular ลงมา (หากใครมีเวลาจะเดินลงก็ได้)ที่สถานีจะมีของที่ระลึกเกี่ยวกับเหมืองเกลือขาย เดินชมสักพักจึงเตรียมเดินทางกลับ

            


  เราเที่ยวเพลินจนเลยเวลาเรือที่จะออกในเวลา 11โมง เพื่อไปต่อรถไฟเวลา11.31 น หากรอเที่ยวต่อไปเรือจะออกประมาณบ่าย 2  เลยต้องเปลี่ยนใจนั่งรถบัส ซึ่งจะออก11.37 น.   มีป้ายจอดรถบัส อยู่ที่ลานจอดรถตรงข้ามกับSupermarket ท้ายหมู่บ้าน 






            เป็นรถBus สาย543 รถมาตรงเวลามาก พอมาถึงรีบขึ้นและ ซื้อตั๋วที่คนขับได้เลยไปSalzbergคนละ 15 ยูโร  รถพาเราลอดอุโมงค์ยาวครึ่งกิโลเมตร 2 อุโมงค์ เล่นเลียบทะเลสาบ ไปอีก2ป้าย แล้วให้เราลงจากรถ จากนั้นรถบัสสาย 542 ก็มารับช่วงต่อเพื่อไปยัง Bad  Ischi  ในรถมีheater อุ่นไปตลอดทาง แถมมีที่ชาร์จแบตเตอรี่ด้วย


           จากนั้นรถบัสพาเรามุ่งหน้าไปยังBad Ischi ราวๆครึ่งชั่วโมงก็มาถึง เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่พอสมควร มีตึกรามบ้านเมืองสมัยใหม่ มีแม่น้ำสายใหญ่ใสสะอาดพาดผ่านกลางเมือง  รถบัสไปจอดที่terminal ข้างสถานีรถไฟBad Ischi 

          



            สักพักก็มีรถบัสสาย150 มาจอดรับ มุ่งหน้าสู่Salzburgตามเส้นทางที่เราเคยมาเมื่อวาน ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีความสวยงามของทัศนียภาพสองข้างทางสายหนึ่งของออสเตรีย จนราวๆบ่าย2 จึงถึงที่จอดรถบัส หน้าสถานีรถไฟ Salzburg







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เที่ยวSalzburg ประเทศออสเตรีย

           Salzburg ชื่อนี้อาจไม่คุ้นนัก แต่หากเอ่ยถึงภาพยนต์เพลงชื่อก้องโลก The Sound of Music แล้วทุกคนคงรู้จัก หนังเรื่องนี้ถ่ายทำในเมือ...