เมื่อไปเที่ยวBana Hills สิ่งที่พลาดไม่ได้คือ การไปเดินชมสะพานมือหรือ Golden Bridge ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของBana Hills เลยก็ว่าได้ สะพานนี้เป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวขึ้นมาBana Hills ที่มีจุดเด่นคือตอม่อสะพานเป็นมือยักษ์ที่รองรับตัวสะพานโค้งไว้ เป็นหนึ่งในสิบของสะพานที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่สุดในโลก สะพานนี้มีสีทอง ทั้งตัวสะพานและราวสะพานที่เป็นลูกกรง ตัวสะพานเป็นเหล็กกว้าง 5 เมตร มีความยาว 150 เมตร โค้งยื่นออกจากหน้าผาตรงจุดสถานีCable Car เชื่อมต่อกับหน้าผาตรงสวนดอกไม้ ซึ่งจงใจสร้างมาเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ใช้งบก่อสร้างประมาณ2,000ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เปิดให้เข้าชมเมื่อปีพ.ศ 2561 นี่เอง
จากการที่สะพานเป็นจุดหมายที่สำคัญที่พลาดไม่ได้คณะทัวร์ของเรา ไกด์จึงนัดหมายนำลูกทัวร์เที่ยวเป็นแห่งแรกบนBana Hills หลังจากนำกระเป๋าเก็บที่พักแล้ว จึงนัดหมายกันที่บริเวณจัตุรัส ตรงวงเวียนน้ำพุเวลาบ่าย2โมง
เมื่อลูกทัวร์ทุกคนมารวมกันตรงน้ำพุครบทุกคนแล้ว ไกด์นำเราเดินไปอาคารรูปโดมหลายๆโดมซึ่งอีกด้านหนึ่งของจัตุรัส พาไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้าเพื่อไปชมสะพานมือ ที่สถานีกระเช้าคนเยอะมากต้องรอคิวขึ้นกระเช้าราว15 นาทีกระเช้านั่งได้ 6 คน จากนั้นกระเช้าพาเราข้ามหุบเขาไปยังอาคารอีกฟากหนึ่ง ราว5นาทีก็ถึงสถานีปลายทาง เดินลงไปยังสะพาน อากาศเย็นสบาย มีเมฆหมอกลอยมาปะทะตัวปกคลุมสะพาน ช่วงนี้คนเยอะมาก เดินกันเต็มสะพาน มุมถ่ายรูปมุมต่างๆคนเยอะ ถ่ายรูปเดี่ยวแต่ได้รูปหมู่ จึงต้องล่าถอย รอมาใหม่ใน ตอนเย็นซึ่งคนที่มาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ ลงเขาไปแล้ว สะพานจะโล่ง ไกด์จึงให้แต่ละคนไปเที่ยวได้ตามใจชอบแล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่ที่สะพานในตอนเย็น
ดังนั้น เราจึงนั่งกระเช้ากลับไปที่จัตุรัส แล้วเดินไปเข้าคิวเล่นรถเหาะลอยฟ้า Alphy Coaster คิวยาวมากต้องใช้เวลากว่า 50 นาทีถึงได้คิวเล่น เครื่องเล่นนี้นั่งได้2 คนหรือจะนั่งคนเดียวก็ได้ แต่เราเลือกนั่ง2 คน มีเข็มขัดนิรภัยรัดลำตัวและเท้า ป้องกันเราหลุดจากตัวรถ เมื่อนั่งแล้วรถจะเลื่อนไถลไปตามราง ส่วนจะช้าหรือเร็ว เราต้องบังคับเองด้วยคันโยก แต่ช้ามากไม่ได้นะครับ รถคันหลังจะชนเอา เครื่องเล่นนี้จะมีกฎกำหนดให้ขี่ห่างจากคันหน้าไม่น้อยกว่า25 เมตร ระหว่างทางจะมีจุดถ่ายรูปอัตโนมัติให้เราแอคท่าถ่ายรูปด้วย
เมื่อรถแล่นเลี้ยวโค้งลงทางลาดชันมากๆสุดเสียวจริงๆ ขอบอก เสียดายที่ไม่กล้าใช้โทรศัพท์ถ่ายวีดีโอไว้ เพราะมือขวาต้องจับคันโยกบังคับความเร็ว จะใช้มือซ้ายก็กลัวทำโทรศัพท์หล่นลงไปข้างล่าง (ท่านใดที่มีโอกาสไปอย่าลืมติดกล้องที่ห้อยคอหรือกล้องติดหมวกไปถ่ายด้วยนะครับ) แต่เมื่อไกล้ถึงจุดหมายรถเคลื่อนช้าขึ้นทางลาดชันสูงผมได้ใช้มือถือถ่ายVDO ตอนรถเคลื่อนที่ไว้ เมื่อถึงจุดหมายจะมีจุดให้เราซื้อรูปที่ถ่ายไว้หากพอใจในราคารูปละ 80,000 VND ผมจึงได้ภาพนั่งรถเหาะมาเป็นที่ระลึก1ใบครับ
หลังจากเล่นรถเหาะเราได้ไปนั่งรถรางไปชมปราสาทจันทรา Luna Castle ที่เพิ่งเปิดให้ชมเมื่อปี2565นี่เองเป็นปราสาท4ชั้นมีจุดให้ชม อาทิ ถ้ำมังกร หมาป่าจอมพลัง จัตุรัสพระจันทร์ และโรงหนังFlying Eyes Theatre ให้ชมเราชมกันเพลินแล้วนั่งรถรางกลับที่เดิม แล้วไปต่อคิวขึ้นกระเช้าไปสะพานมือ พอไปถึงราวสี่โมงกว่าๆพบว่าผู้คนเบาบางมากเพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นั่งกระเช้ากลับลงไปข้างล่างแล้ว บ้างก็ต่อคิวแถวยาวเพื่อรอขึ้นกระเช้าลงไปข้างล่าง ที่สะพานมือจึงค่อนข่างโล่งผู้คนเบาบาง บนสะพานสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามมากทั้งเมฆ ภูเขาที่เขียวชะอุ่ม สวยงามมาก มุมถ่ายรูปบนสะพานสวยทุกมุมเลยครับ 
อีกฟากหนึ่งของสะพาน เดินตรงไปเป็นทางเดินไปสวนดอกไม้แห่งความรัก(Le Jardin D’Amour)ด้านซ้ายมีถนนเป็นทางเดินลงไปชมวิวด้านล่างของสะพานได้ ตรงจุดสามารถเดินไปใกล้และถ่ายรูปกับมือที่เป็นตอม่อของสะพาน และมองขึ้นไปจะเห็นสะพานอีกมุมหนึ่งสวยงามมาก
จากสะพานมือเราเดินเล่นต่อไปที่สวนดอกไม้ จนได้เวลาแล้วจึงย้อนกลับขึ้นสะพานแล้วนั่งกระเช้าลอยฟ้ากลับไปยังจัตุรัส มุ่งหน้าไปทานอาหารมื้อค่ำที่โรงแรม
รุ่งเช้าตื่นขึ้นมารีบไปที่สะพานมือ เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศในตอนเช้าครับ สะพานมือในช่วงเช้าแทบไร้ผู้คนครับ มีหมอกบางๆเข้ากับอากาศเย็นสบายในตอนเช้า เราจึงยึดครองสะพานถ่ายรูปในมุมที่สวยงามในทุกมุมเลยทีเดียว ฟินมากๆครับ










ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น