เที่ยวสวิสด้วยตนเอง: รีวิวทริปเที่ยวฤดูใบไม้ผลิ 8 วัน Ep.13 เที่ยว Titlis นั่งกระเช้าลอยฟ้าบันลือโลก ลุยหิมะ ไต่หน้าผา

google.com, pub-9296050589314666, DIRECT, f08c47fec0942fa0



     วันนี้ 6 . 66 ไปขึ้นยอดเขา Titlis เป็นหนึ่งโปรแกรมที่ห้ามพลาดเมื่อไปเที่ยวสวิส  ถือเป็นHighlights ของทริปนี้ต่อจากMatterhorn.      Titlis เป็นยอดเขาที่สูง3,238 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีหิมะปกคลุมตลอดปี  ที่นี่มีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ เล่นสกี มีกระเช้าห้อยขาIce Flyer มีCliff walk สะพานแขวนที่สูงที่สุดในยุโรป มีถ้ำน้ำแข็งพันปี





   Titlis อยู่ไม่ไกลจากLucern นั่งรถไฟขบวน IR จากสถานีLucern ใช้เวลาเพียง 43 นาที ลงที่สถานีEngelberg จะมีรถBus สาย300 มาจอดรออยู่หน้าสถานีเพื่อไปส่งยังสถานีCable Car นั่งรถเพียงนาทีก็ถึง หากเดินจะใช้เวลาราวๆ10 นาที ที่สถานีจะมีเสื้อผ้ากันหนาว ชุดเล่นสกีขายหรือให้เช่า การขึ้นTitilis ต้องซื้อตั๋วที่นี่ใช้Swiss Travel Pass ซื้อตั๋วไป-กลับ ครึ่งราคาตนละ 45 ฟรังก์ ที่นี่จะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวและนักสกีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ คนรอคิวซื้อตั๋วและรอขึ้นCable Car จะยาวมากหากมาในช่วงไฮด์ซีซั่น


 ส่วนวันนี้มีราวๆ50 คน ใช้เวลาไม่นานก๊ได้ตั๋วและเดินไปรอคิวขึ้นกระเช้า  การขึ้นเขาจะมีช่วงคือ ช่วงแรกเป็นกระเช้าขนาดเล็กนั่งได้ 6 คน

แต่ละกระเช้าจะมีรูปธงชาติของประเทศต่างๆกระเช้าละประเทศ
 รวมทั้งประเทศไทย เราไม่ได้นั่งของไทย แต่เห็นกระเช้าที่ติดธงไตรรงค์สวนทางเราตอนขาลง  กระเช้าเล็กนี้จะจอดสถานี สถานีแรกจะเป็นสถานีTrubseeอย่าเพิ่งลงครับ(พวกเราลงมาแล้ว งงสักพักนักสกีที่อยู่แถวนั้นชี้ให้ขึ้นไปนั่งใหม่ ต้องรอCable ที่ว่างจึงได้ขึ้นนั่งจากสถานี Trubseeจะเป็นสถานีStand สถานีสุดท้ายของช่วงแรก ทิวทัศน์ของการขึ้นเขาช่วงแรกนี้จะเป็นป่าและทุ่งหญ้าเขียว ช่วงฤดูใบไม้ผลินี้มีทุ่งหญ้าและดอกไม้ให้เห็นสวยงามมาก 


จากนั้นเมื่อCable Car สูงขึ้นไปจะค่อยๆเห็นพื้นปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน มีคนเล่นสกีลงเขา   วันนี้อากาศดีมองเห็นทิวเขาสูงหิมะปกคลุมอยู่ไกลๆ  เมื่อCable Car มาถึงสถานี Stand จะเปลี่ยนCable Car เป็นช่วงที่2 CableCar นี้เป็นกระเช้าลอยฟ้าขนาดใหญ่จุคนได้กว่า20 คนเป็นกระจกใส เรียกว่า Rotair Cable Car เป็นกระเช้าลอยฟ้าหมุนได้360 องศาแห่งแรกของโลก กระเช้านี้จะค่อยๆหมุนจากต้นทางให้เราชมทิวทัศน์เปลี่ยนมุมไปเรื่อยๆรอบตัวและครบรอบเมื่อถึงข้างบนสุด ใช้เวลา 10 นาที  การขึ้นกระเช้าต้องรีบเข้าไปยืนติดผนังกระจกมุมใหนก็ได้จะทำให้เห็นวิวชัด ถ้าเข้าช้ายืนไม่ติดกระจกเราตัวเล็กจะมองข้างนอกไม่เห็นถนัดนัก




  เมื่อถึงสถานียอดเขาเป็นสถานีสุดท้าย ให้เดินไปขึ้นลิฟท์ขึ้นอาคารชั้นบนสุดชั้นเลยครับ 

เดินออกมาจะเป็นที่โล่งกว้างมองไกลสุดลูกตามีแต่หิมะและภูเขาขาวโพลน สวยงามมากยังกับอยู่อีกโลกหนึ่งเลย 



เมื่อเดินออกมาที่ลานหิมะจึงพบว่าอากาศหนาวมากๆ แต่เราไม่ได้เตรียมเครื่องกันหนาวมามาก เพราะครั้งเมื่อไปขึ้นMattehorn พยากรณ์อากาศว่าติดลบ จึงเตรียมเครื่องกันหนาวเต็มอัตราแต่ปรากฎว่าอากาศไม่หนาวสามารถใส่แค่เสื้อSweater ได้สบายๆ แต่วันนี้ที่Tittlis ผิดคาดหนาวมากๆ ไม่ได้เตรียมเครื่องกันหนาวมามากนักรวมทั้งผ้าพันคอและถุงมือก็ไม่มี  ยังดีที่ติดเสื้อDownที่พับอยู่ในถุงใบเล็กๆอยู่ในกระเป๋าจึงพอได้ใส่กันหนาวได้พอสมควร สวมเสื้อกันหนาวแล้วจึงเดินลุยหิมะขึ้นไปเนินสูงข้างบน เพื่อไปเล่นกิจกรรมต่างๆต่อไป ติดตามในEp.14 
นะครับ

เที่ยวสวิสด้วยตนเอง: รีวิวทริปเที่ยวฤดูใบไม้ผลิ 8 วัน Ep.12 เที่ยว St.Moritz เมืองสกีรีสอร์ทและเมืองตากอากาศที่หรูหรา

google.com, pub-9296050589314666, DIRECT, f08c47fec0942fa0

 



      ขอเล่าต่อจากEp.ที่แล้ว ที่พานั่งรถไฟชมเส้นทางสายมรดกโลกช่วงAlbula Line โดยนั่งรถไฟขบวนIR จากเมืองChur ปลายทางSt.Moritz โดยใช้เวลาชั่วโมง  สถานีรถไฟSt.Moritz อยู่ติดกับทะเลสาบSt.Moritz ลงจากรถไฟก็เห็นทะเลสาบอยู่ทางซ้ายมือ เราพากันเดินไปทางท้ายสถานี ทางขวามือ จะเห็นถนนและสะพานเล็กๆมีป้ายบอกว่ามีบันไดเลื่อนเดินขึ้นหมู่บ้าน   


  เราเดินตามลูกศรไปจนถึงอาคารขนาดใหญ่ เดินเข้าอาคารลานจอดรถเข้าไปในตึก แวะเข้าห้องน้ำก่อน  ที่นี่ห้องน้ำเข้าฟรีครับ จากนั้นเดินไปทางซ้ายจนสุดทางเป็นสะพานยื่นออกไปเป็นจุดชมวิว มองเห็นทะเลสาบSt.Moritz ได้อย่างชัดเจน วันนี้อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส มีเมฆบางส่วน ทำให้เห็นทะเลสาบน้ำสีฟ้าสดใสตัดกับภูเขาที่มีหิมะปกคลุมมีสีเขียวของใบไม้แทรกอยู่ เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามมาก

5





 ถ้าหากมาในฤดูหนาวที่ภูเขาจะมีหิมะปกคลุมทั้งหมด เป็นที่เล่นสกี ที่เมืองนี้เคยจัดโอลิมปิคฤดูหนาวถึงครั้ง  ถ้าหากมาในดูใบไม้ร่วงจะเห็นเป็นสีเหลืองทองของป่าที่ใบไม้เปลี่ยนสี  เมืองนี้จึงเป็นเมืองสกีรีสอร์ท เมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงของสวิตเซอร์แลนด์

       เราชมบรรยากาศและถ่ายรูปกันสักพักจึงเดินเข้าไปในอาคาร จนสุดอีกฟากหนึ่งของอาคาร เป็นบันไดเลื่อนขึ้นไปข้างบนสูงมาก


  เดินขึ้นไปจนสุดแล้วเลี้ยวซ้ายเดินไปตามถนน จะเป็นเมืองที่สวยงาม มีนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรปที่นิยมมาพักตากอากาศ   มีอาคารที่มีสถาปัตยกรรมตะวันตกที่สวยงาม  ทั้งโรงแรม ร้านค้าที่ขายสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ

 St. Moritz ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองตากอากาศที่หรูหรา และมีค่าครองชีพที่แพงที่สุดแห่งหนึ่งของสวิส    


                 เราเดินเล่นในเมืองราวๆหนึ่งชั่วโมงจึงเดินย้อนกลับทางเดิม มาที่สถานีรถไฟ แล้วขึ้นรถไฟขบวนเดิมที่จอดรออยู่กลับไปตามเส้นทางเดิม ชมทิวทัศน์สองข้างทางรถไฟสายมรดกโลก จนถึงเมืองChur แล้วเปลี่ยนไปขบวนIC 3 ไปZuric HB ไปเดินชมเมืองZuric แวะทานข้าว แล้วนั่งรถไฟกลับไปที่พักที่ Lucern  วันนี้เดินทางไกลใช้เวลาเดินทางกว่า12 ชั่วโมงแต่ไม่เหนื่อยเลยครับ


เที่ยวสวิสด้วยตนเอง:รีวิวทริปเที่ยวฤดูใบไม้ผลิ 8 วัน Ep.11 นั่งรถไฟเส้นทางมรดกโลกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

google.com, pub-9296050589314666, DIRECT, f08c47fec0942fa0




                   วันที่5 พ.ค 66 ตอนบ่ายหลังจากเที่ยวChur เมืองเก่าแก่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์แล้วเราจะนั่งรถไฟไปชมเส้นทางรถไฟสายมรดกโลกของUnesco  โดยจะขึ้นจากสถานีรถไฟChur ไปสถานี St.Moritz ขึ้นรถไฟขบวนIR เที่ยวเวลา 13.29 ซึ่งเป็นขบวนท้องถิ่นวิ่งระหว่างเมือง ที่ใช้เส้นทางรถไฟเส้นทางเดียวกับรถไฟท่องเที่ยวสายGlacier Express กับสาย Bernina Express ซึ่งเป็นรถไฟpanoramaที่สวยงาม

 จากตารางรถไฟของSBB ขบวนBernina Express จะวิ่งผ่านสถานีChur เช่นกันเวลา14.11 น.ซึ่งใช้ Swiss Travel Pass ก็ขึ้นฟรีได้เช่นกันแต่เราไม่ได้จองที่ไว้ เกรงว่าจะไม่มีที่นั่ง  หากรอขบวนนี้แล้วไม่มีที่นั่งก็จะทำให้เสียเวลานับชั่วโมงเลยทีเดียว

           เส้นทางนี้เป็นUnesco World Heritage Line  ซึ่งถูกจัดเป็นหนึ่งในเส้นทางรถไฟที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเรียกว่า Rhaetian Railway ช่วงแรก ชื่อAlbula line  อยู่บนเทือกเขาแอล์ปทางตะวันตกเฉียงเหนือของสวิตเซอร์แลนด์ เริ่มเปิดใช้เมื่อปีค. 1904(เกือบครบ120ปีแล้ว)เริ่มต้นจากเมือง Thusis ถึงเมือง St.Moritz ระยะทาง 67 กิโลเมตร ทางรถไฟเจาะอุโมงค์ลอดผ่านภูเขา ทำสะพานรถไฟข้ามหุบเขาเชื่อมต่อภูเขา(Viaduct)สะพานข้ามแม่น้ำ(Bridge)ตลอดสายมีอุโมงค์ 42 แห่ง สะพานข้ามหุบเขา สะพานสั้นข้ามแม่น้ำรวม 144 แห่ง ช่วงนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นรถไฟบนภูเขาที่คลาสสิคสำหรับให้รถไฟที่ใช้เครื่องจักรไอน้ำวิ่ง (ปัจจุบันใช้รถไฟใช้ไฟฟ้า )จัดเป็นทางรถไฟบนภูเขาที่สวยงามที่สุดในโลกด้วยความมีเสน่ห์ของสะพานรถไฟเส้นโค้งที่สวยงามอย่างยิ่ง  (น่าเอารถไฟไทยไปวิ่งเนาะ จะได้เข้ากับบรรยากาศคลาสสิคสมัยสงครามโลกส่วนช่วงที่ระหว่างเมือง  St. Moritz ถึง Tiranoในอิตาลี ชื่อ Bernina line ระยะทาง 61 กิโลเมตร(เราไม่ได้ไป ทริปหน้าไปแน่ๆครับ)

           

         รถไฟขบวนIRที่เราขึ้นมีที่นั่งว่างพอสมควร เราจึงเดินไปนั่งตู้ท้ายๆขบวน เพื่อจะได้เห็นขบวนรถไฟแล่นผ่านทางโค้ง นั่งเพลินสักพัก เจ้าหน้าที่รถไฟเห็นพวกเราสนใจถ่ายรูปสองข้างทาง เขาจึงแนะนำว่าที่ตู้หัวขบวนเป็นตู้พิเศษหน้าต่างกว้างและเปิดกระจกได้ทุกบานรวมทั้งบานหลังคาด้วย


 พวกเราจึงสับเปลี่ยนกันไปยังตู้ดังกล่าว ตู้นี้พิเศษจริงดังว่าครับ แถมสวยงามมาก เราเหมาตู้เลยครับ ไม่มีผู้โดยสารอื่นมาตู้นี้เลยคงเป็นเพราะเป็นขบวนรถไฟท้องถิ่น ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวนั่ง คนท้องถิ่นเขานั่งจนชินแล้วจึงไม่สนใจมาถ่ายรูปแบบพวกเรา  ดังนั้นพวกเราจึงผลัดกันยึดตู้นี้ชมวิวและถ่ายรูปกันเพลินทั้งขาไปและขากลับซึ่งเราได้กลับขบวนเดิม แต่ตู้ดังกล่าวนี้กลับอยู่ท้ายขบวนจึงได้สัมผัสอรรถรสในการนั่งท้ายขบวนเปิดหน้าต่าง  ได้สมใจครับ





 



         รถไฟพาเราผ่านภูมิประเทศที่เป็นเขาสูงปกคลุมด้วยหิมะ ป่าสน แม่น้ำลำธาร ทุ่งหญ้าสีเขียวสีเหลืองและหมู่บ้านต่างๆ 




ตลอดระยะเวลา2ชั่วโมงไม่ได้งีบเลย ทั้งสนุกและตื่นตาตื่นใจในช่วงที่รถไฟแล่นทางโค้งแล้วมุดหายเข้าไปในอุโมงค์ กับช่วงที่รถไฟวนลงระหว่างหุบเขาผ่านสะพานรถไฟหลายๆแห่ง ลักษณะเป็นเกลียว(Spiral)ลงไป2-3 รอบเป็นระยะทางยาวกว่า10 กม. ถ่ายรูปรถไฟ ทิวทัศน์  ชมวิวเพลินกับธรรมชาติที่แสนสวย สวยงามและประทับใจครับ 







  

                   นับว่าโชคดีที่เราตัดสินใจขึ้นรถไฟขบวนนี้ครับ หากขึ้นขบวนGlacier Express  หรือขบวนBernina Express คงไม่มีโอกาสนั่งตู้พิเศษตรงหัวหรือท้ายขบวนเปิดกระจกยื่นหน้าออกนอกรถไฟสัมผัสกับกลิ่นอายลมเย็นบรรยากาศสองข้างทาง คงอดได้ภาพสวยๆที่ไม่ติดเงากระจกมาฝากท่านผู้อ่านครับ หากท่านไปเที่ยวสวิสลองขึ้นรถไฟเส้นทางมรดกโลกแบบพวกเราซิครับ 

เที่ยวสวิสด้วยตนเอง:รีวิวทริปเที่ยวฤดูใบไม้ผลิ 8 วัน Ep.10 เที่ยว Chur เมืองเก่าแก่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์

google.com, pub-9296050589314666, DIRECT, f08c47fec0942fa0





                คืนวันที่4 พ.ค เสร็จจากเดินเล่นChapelBridge กลับถึงที่พัก อาบน้ำอาบท่าเสร็จเปิดApp. Weather:CH พยากรณ์อากาศว่าวันพรุ่งนี้(พฤหัส 5 .66)ที่Titlis จะมีฝนและเมฆมาก ส่วนวันศุกร์ ฟ้าโปร่ง แดดดีมีเมฆเล็กน้อย  เราจึงปรับแผนเลื่อนโปรแกรมวันศุกร์มาเป็นวันพฤหัสแทนนั่นคือ ไปเที่ยวเมือง Chur และนั่งรถไฟชมวิวเส้นทางสายมรดกโลกไป St.Moritz  ส่วนTitilis ไปวันศุกร์ครับ


             . 66 ตื่นเช้าเข้าครัวทำข้าวผัดหมูและต้มยำไก่ใส่เส้นอุด้ง ทานเป็นอาหารเช้า ข้าวผัดยังมีเหลือเลยเอาใส่กล่องไปเป็นมื้อกลางวันพร้อมกับมีแซนด์วิสที่ลูกทำไว้ก่อนแล้ว  ที่พักอพาร์ตเมนต์ที่Lucern ไม่มีบริการอาหารเช้าจึงต้องทำทานเองครับ ที่พักสะดวกสบายมีห้องนอนห้อง ห้องโถงกลางไว้นั่งพักผ่อน ดูทีวีและโต๊ะทานข้าว wifi ฟรี มีห้องครัวอุปกรณ์เครื่องครัวพร้อม เสียอย่างเดียวมีห้องน้ำเพียงห้องเดียว อยู่กันคนต้องทยอยใช้ห้องน้ำ  

             เมื่อทุกคนพร้อมจึงออกเดินทาง นั่งรถบัสสาย19 ที่ป้ายจอดรถใกล้ๆที่พักไปสถานีรถไฟลูเซิร์น   (รถบัสที่ลูเซิร์นต้องโบกครับไม่โบกไม่จอด เช่นเดียวกับตอนลงต้องกดออดครับไม่งั้นไม่จอด ประสบกับตัวเองครับเมื่อวานนั่งรถเลยป้ายเพราะไม่กดออด รถไม่จอดครับ นั่งรถเลยไปป้ายต้องลากกระเป๋าใบโตเดินย้อนกลับ  เมื่อกดออดไม่มีเสียงนะครับ ขอเรียกว่าปุ่มจอดก็แล้วกันครับ  การกดปุ่มจอดต้องดูที่จอทีวีเมื่อขึ้นชื่อป้ายที่เราจะลง พนักงานจะประกาศชื่อป้ายนั้น ให้กดปุ่มได้เลยครับ จอดแน่ไม่มีแถม)รถวิ่งแค่ 4 ป้ายแป๊บเดียวก็ถึงสถานีรถไฟ  ลงจากรถรีบเดินไปที่ชานชาลาที่ 6 เพื่อให้ทันขึ้นรถไฟขบวนIR 70 ปลายทางZuric ตามที่หาได้จาก App SBB  การไปเมืองChur จากLucernต้องไปที่ Zuric HBก่อนแล้วจึงนั่งรถไฟไปยังเมืองChur รวมเวลาทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง13 นาที (เราใช้เมืองลูเซิร์นเป็นฐานที่พักช่วงที่เพื่อสะดวกในการท่องเที่ยวไม่ต้องลากกระเป๋าทุกวันทั้งยังสามารถปรับแผนการเดินทางให้เหมาะสมกับสภาพอากาศของแหล่งท่องเที่ยว)

 


   

                  เมือง Chur เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า5,000 ปี   มีย่านเมืองเก่าโบสถ์ บ้านเรือนสถาปัตยกรรมที่งดงาม พร้อมมีทัศนียภาพที่สวยงามยิ่ง เมืองนี้จึงเป็นเมืองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกมาเยี่ยมชม

        จากสถานีรถไฟChur เดินข้ามถนนไปยังจัตุรัส St.Martinsplatz เดินชมร้านค้า โบสถ์ ระหว่างเดินชมเจอร้านค้าขายเสื้อกันหนาวลดราคาเหลือเพียง19 ฟรังก์ ราคาถูกมาก(ถูกกว่าแซนวิสไส้กรอก1ชิ้นและเข้ากันกับกางเกงที่สวมอยู่ จึงซื้อและสวมใส่เลย (การซื้อของที่ร้านค้าในสวิสใช้ได้ทั้งเงินสด บัตรเครดิต และบัตรTravel Cardรวมทั้งการScanจ่ายแต่ผมไม่ได้ลองScanจ่าย คงใช้แต่บัตรTravel Cardและบัตรเครดิต)









        จากนั้นเดินไปย่านเมืองเก่าที่ทางเดินปูด้วยอิฐ มีตึกรามบ้านช่องอาคารเก่าแก่ที่สวยงาม มีร้านค้า ร้านอาหาร อยู่เรียงรายรวมทั้งร้านอาหารไทยและร้านนวดไทยแต่ไม่มีเวลาไปใช้บริการ 







 
เดินเล่นไปเรื่อยจนถึงเนินเขาผ่านสวนองุ่นจนถึงกลางเนินเขา(ไปไม่ถึงยอดเนินเพราะเหนื่อยหมดแรง เห็นทัศนียภาพเมืองที่สวยงามราวกับเมืองฟ้าอมร  






   ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงพากันเดินลัดเลาะตรอกซอกซอยต่างๆจนหลงทางหาทางกลับสถานีรถไฟไม่ถูก ออกถนนใหญ่มองหาป้ายที่มีรูปรถไฟ หรือที่มีคำว่าBahnซึ่งแปลว่าสถานีรถไฟ   จนเจอ ประจวบกับมีรถไฟวิ่งผ่านมาพอดี จึงพากันเดินจ้ำอ้าวไปทางที่ป้ายบอกทาง 







           เดินไกลพอควรกว่าจะถึงสถานี เกือบไม่ทันขบวนรถไฟที่จะไปยังเมืองSt.Moristz.

  เมืองChur น่าเที่ยวน่าค้นหา ทริปหน้าจะมานอนที่นี่สัมผัสกับบรรยากาศเมืองเก่าและธรรมชาติที่สวยงามสักคืนสองคืน รวมทั้งจะลองลิ้มรสอาหารไทย และนวดไทย ที่เมืองนี้ด้วยครับ

        



เที่ยวSalzburg ประเทศออสเตรีย

           Salzburg ชื่อนี้อาจไม่คุ้นนัก แต่หากเอ่ยถึงภาพยนต์เพลงชื่อก้องโลก The Sound of Music แล้วทุกคนคงรู้จัก หนังเรื่องนี้ถ่ายทำในเมือ...