เที่ยวสวิสด้วยตนเอง:รีวิวทริปเที่ยวฤดูใบไม้ผลิ 8 วัน Ep.9 เที่ยว Lucern ชม Chapel Bridge สะพานไม้เก่าแก่ของโลก

google.com, pub-9296050589314666, DIRECT, f08c47fec0942fa0


               


 
หากใครมาLucern แล้ว ไม่ได้เที่ยวชม Chapel Bridge ถือว่าไม่ถึงลูเซิร์น สะพานนี้อยู่ในเมืองห่างจากสถานีรถไฟลูเซิร์นด้วยการเดินแค่นาทีเท่านั้น สะพาน Chapel Bridge เป็นสะพานไม้มีหลังคา เก่าแก่กว่า700 ปี สะพานยาว205 เมตรทอดข้ามแม่น้ำRoyce และมีหอคอยทรงแปดเหลี่ยมตั้งอยู่กลางน้ำเคียงคู่กับสะพาน ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองLucern

          หลังจากไปล่องเรือทะเลสาบลูเซิร์น แวะที่ท่าVitznau นั่งรถไฟฟันเฟืองขึ้นเขาRigi แล้วนั่งรถไฟฟันเฟืองอีกขบวนลงไปอีกฟากหนึ่งของเขาเข้าสู่เมืองArth Goldau แล้วนั่งรถไฟท้องถิ่นกลับมาลูเซิร์นในตอนเย็นแล้ว เราจึงพากันเดินไปชมสะพานไม้Chapel ที่ลือชื่อ  สะพานนี้ทอดข้ามแม่น้ำRoyceที่ใสสะอาด เชื่อมเมืองเก่ากับเมืองใหม่  สะพานมีทัศนียภาพที่สวยงามมากสุดบรรยาย มีเมืองและภูเขาที่เห็นอยู่ไกลๆเป็นฉากหลัง ถ่ายรูปจนเพลินแล้วเดินบนสะพาน ทำให้เห็นตรงจั่วใต้หลังคาจะมีภาพวาดที่เก่าแก่ดูคลาสสิคมาก



 





                     
เดินข้ามไปอีกฟากเป็นเมืองเก่า ริมน้ำมีร้านอาหารโต๊ะตั้งอยู่เรียงรายคลาคล่ำไปด้วยผู้คนนั่งดื่มนั่งทานอาหารจาเราเดินผ่านไปชมเมืองเก่าที่ถนนปูด้วยอิฐโบราณ  มีโบสถ์ บ้านเรือนเก่าแก่ที่สวยงามน่าดูชม 





เดินเล่นจนเวลาทุ่มกว่า จึงย้อนกลับไปหาอาหารทานตรงร้านริมแม่น้ำใกล้สะพานที่เดินผ่านมาซึ่งมีอยู่หลายร้าน ทุกโต๊ะถูกจับจองหมดคงได้แต่โต๊ะข้างในร้าน เป็นอาหารฝรั่งไตล์อิตาเลี่ยนรสชาติดี ราคาบาดใจ มื้อนี้หากทานอาหารอิตาเลียนที่บ้านเราคงทานได้สัก3 มื้อ หรือถ้าจะเอาบรรยากาศแบบนี้ที่ริมคลองผดุงกรุงเกษมแถวเทเวศร์ ลาบน้ำตกไก่ย่างส้มตำพร้อมเหล้าเบียร์ก็คงทานได้ทั้งอาทิตย์เป็นแน่  

        ทานอาหารเสร็จ 3 ทุ่มพอดี จึงเดินกลับไปชมสะพานChapel ฟ้ายังสว่างอยู่ แต่ที่บ้านเรือนริมน้ำและสะพานเปิดไฟแล้ว จึงเห็นแสงไฟทอดลงแม่น้ำสวยงามมาก  ตอนกลางวันว่าสวยแล้วแต่ตอนกลางคืนกลับสวยกว่า อยากให้ท่านมาดูมาชมของจริงด้วยตาตนเองครับ




เที่ยวสวิสด้วยตนเอง:รีวิวทริปเที่ยวฤดูใบไม้ผลิ 8 วัน Ep. 8 ขึ้นเขา Rigi ตามรอยละครดัง “อย่าลืมฉัน”u

google.com, pub-9296050589314666, DIRECT, f08c47fec0942fa0



            Rigi  ขุนเขาที่ได้รับสมญานามว่าQueen of Mountains หรือ ราชินีแห่งขุนเขา มีความสูง 1,797 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เขานี้ล้อมรอบด้วยทะเลสาบคือ Lucern , Zug และ Lauerz บนภูเขาสามารถมองเห็นทัศนียภาพเทือกเขาแอล์ปที่สวยงาม เป็นที่ถ่ายทำละครดัง อย่าลืมฉัน ของน้องแอน ทองประสมและพี่ติ๊ก




       เขาRigi นี้ใช้Swiss Passขึ้นฟรี  ทางขึ้นเขาไปได้ทางหลักยอดนิยม คือ

       เส้นทางแรก ล่องเรือทะเลสาบลูเซิร์น ลงที่ท่าWeggis แล้วขึ้นCable Car ลงที่ Rigi Kaltbad แล้วต่อด้วยรถไฟฟันเฟืองจนถึงยอดเขา

       เส้นทางที่2   ล่องเรือทะเลสาบลูเซิร์น ลงที่ท่าVitznau แล้วขึ้นรถไฟฟันเฟือง จนถึงยอดเขา

        เส้นทางที่ 3 นั่งรถไฟไปลงที่ Arth Goldau แล้วขึ้นรถไฟฟันเฟืองสายสีน้ำเงินขึ้นยอดเขา

  ทริปนี้เลือกเส้นทางที่เราล่องเรือจากลูเซิร์นถึงท่าเรือVitznau ใช้เวลา 59 นาที  จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถไฟฟันเฟืองที่สถานีใกล้ๆท่าเรือ (รางรถไฟตรงกลางมีรางเหล็กเป็นช่องลักษณะเหมือนโซ่จักรยาน รถไฟจะใช้ฟันเฟืองเกาะไปตามร่องทำให้สามารถขึ้น-ลงเขาที่สูงชันได้) รถไฟมี 2 ตู้สวยงามและคลาสสิกมาก รถค่อยๆพาลัดเลาะไต่เขาขึ้นไป ด้วยความลาดชันประมาณ35องศา ยิ่งสูงยิ่งสวยวันนี้อากาศดีท้องฟ้าโปร่ง        มองเห็นทะเลสาบลูเซิร์นข้างล่างได้ชัดเจน สวยงามมาก ทัศนียภาพข้างทางเป็นหุบเหว ป่าเขาและทุ่งหญ้า 




รถไฟแวะจอดตามสถานีต่างๆซึ่งมีบ้านเรือน โรงแรมที่พัก หากท่านใดสนใจพักแรมชื่นชมกับบรรยากาศบนเขาสูงก็Searchหาได้ตามApp จองที่พักต่างๆไ้ด้ รวมทั้งหาตารางเวลารถขึ้น-ลงเขาได้ที่บราวเซอร์ต่างๆได้ครับ  

 รถไฟแล่นขึ้นเขาใช้เวลา
40 นาทีถึงสถานีรถไฟยอดเขา 


เมื่อถึงนักท่องเที่ยวต่างตื่นตาตื่นใจ กับทัศนียภาพที่พบเห็น  ต่างชื่นชมและถ่ายรูปวิวที่สวยงาม    จากสถานีมีทางเดินไปบนยอดเขา   Rigi ช่วงนี้ไม่มีหิมะ แต่มีหญ้าเขียวๆปกคลุมดูสวยงามมาก บนเขาสามารถมองเห็นทัศนียภาพได้รอบด้าน และทะเลสาบทั้งแห่ง   






    ชมทัศนียภาพและถ่ายภาพตามรอยละครอย่าลืมฉัน จนพอใจจึงกลับด้วยเส้นทางที่คือนั่งรถไฟสายสีน้ำเงินที่จอดอยู่ที่สถานีเดียวกัน ลงไปอีกฟากหนึ่งของภูเขาไปยังสถานี Arth Goldauใช้เวลา 50 นาที  



   แวะเติมน้ำก่อนครับ น้ำจากน้ำพุทานได้ทุกที่ถ้าทานไม่ได้จะมีป้ายห้ามครับ

 จากนั้นไปสถานีรถไฟที่อยู่ใกล้ๆ ขึ้นรถไฟขบวนIR กลับไปยังสถานีLuzernใช้เวลา 32 นาที  ออกจากสถานีลูเซิร์นเป็นเวลาเดียวกับเรือล่องทะเลสาบขากลับพอดี สวนทางกับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ขึ้นเขาไปพร้อมกันแต่ลงมาทางรถไฟสายเดิมลงที่Vitznau แล้วขึ้นเรือ กลับLuzern    ทริปนี้Swiss Pass ขึ้นฟรีตลอดเส้นทาง เป็นทริปที่ฉันจะไม่ลืม  ไม่ลืมฉันแน่นอนครับ   แต่ก่อนจะฉัน เอ้ยทานอาหารเย็น  ขอเดินเล่นชมเมืองLuzernก่อนครับ พบกันEp ต่อไปครับ

เที่ยวสวิสด้วยตนเอง: รีวิวทริปเที่ยวฤดูใบไม้ผลิ 8 วัน Ep.7 นั่งเรือกลไฟล่องทะเลสาบ Lucernที่สวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์

google.com, pub-9296050589314666, DIRECT, f08c47fec0942fa0




             วันนี้. 66  ชื่นชมกับบรรยากาศวิวJungfrauบริเวณที่พัก ทานข้าวเสร็จ Checkout แล้ว ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่คนละใบพร้อมสะพายใบขนาดย่อม ขึ้นรถบัส 131 ไปสถานีInterlaken Ost 


 



                เมื่อถึงสถานี
 นำกระเป๋าใบใหญ่ 2 ใบไปห้องบริการรับ-ส่งกระเป๋าเพื่อส่งไปรอที่สถานีรถไฟท่าอากาศยานZuric แต่คิวยาวมากเกรงว่าจะขึ้นรถไฟไม่ทัน จึงเปลี่ยนใจหอบหิ้วทั้งหมด ไปรอรถไฟขบวน PE Luzern-Interlaken Express เพื่อไปLuzern เมื่อรถไฟมาถึงก็พากันลากกระเป๋าขึ้นตู้โดยสารชั้นโชคดียังพอมีที่วางกระเป๋าทั้งที่บริเวณวางกระเป๋าและระหว่างที่นั่งโดยสาร เช่นเดิมครับSwiss pass นั่งฟรี เจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋วเมื่อไหร่ก็โชว์QR Code Swiss Pass 






               นั่งรถไฟชื่นชมทิวทัศน์2ข้างทางที่สวยงามเพลินตา






ใช้เวลา1ชั่วโมง 51 นาทีถึงสถานีรถไฟลูเซิร์น ลากกระเป๋าจากชานชาลาแล้วมองหาป้ายรูปกระเป๋าหาไม่ยากครับ เดินตามป้ายไปจุดฝากกระเป๋า นำกระเป๋าใบใหญ่ส่งไปสถานีรถไฟท่าอากาศยานZuric เพื่อไปรับในวันเดินทางกลับในอีก 3 วันข้างหน้า ราคาค่าบริการส่งกระเป๋าชิ้นละ12 ฟรังก์ ฝากกระเป๋าเสร็จ   ลากกระเป๋าขึ้นรถBusสาย 19 ที่อยู่หน้าสถานีรถไฟไปยังที่พักLucern Apartmentที่อยู่ใกล้ๆอนุสาวรีย์สิงโต  นั่งรถเพียง4ป้ายก็ถึงครับ แต่ใช้เวลาหากว่าครึ่งชั่วโมงจึงเจอ(ไว้ค่อยเล่าละเอียดเรื่องที่พักและการเข้าพักอพาร์ทเมนต์ในสวิสในblogต่อๆไป)  เก็บกระเป๋าแล้ว นั่งรถBusสายเดิมไปยังทะเลสาบลูเซิร์น

 

        ทะเลสาบLucern ทะเลสาบสี่แคว้นแดนป่าไม้

              ทะเลสาบลูเซิร์น เป็นหนึ่งในสี่ทะเลสาบที่ใหญ่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ มีความลึกโดยเฉลี่ย104เมตร มีน้ำสีฟ้าใสราวกระจก มีวิวภูเขาสูงที่สวยงามล้อมรอบ  ทัศนียภาพริมฝั่งเป็นทุ่งหญ้า ป่าเขา และบ้านเรือนสไตล์สวิสชาเลต์ ที่สวยงาม การล่องเรือทะเลสาบลูเซิร์นมีความนิยมระดับห้าดาว  จึงเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดหากมาเที่ยวสวิส


             ท่าเรือที่จอดเรือล่องทะเลสาบมีอยู่หลายท่า เราเดินไปท่าหมายเลข7 เห็นคนกำลังเข้าคิวลงเรือ จึงไปต่อแถวเมื่อถึงคิว พนักงานบอกว่าเรือลำนี้เป็นเรือล่องทะเลสาบที่มีมัคคุเทศน์บรรยายตลอดทางใช้บัตรSwiss passขึ้นได้แต่ต้องจ่ายเพิ่มอีกคนละ18 ฟรังก์ ส่วนเรือล่องทะเลสาบที่ขึ้นฟรีไม่เสียตังค์เพิ่มจะจอดที่ที่ท่าเรือหมายเลข 1  เราจึงรีบเดินหา พบว่าอยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟลูเซิร์นนั่นเอง และที่ใกล้กันมีจุดขายบัตรโดยสารล่องทะเลสาบด้วย ดังนั้นหากใครที่ไม่มีSwiss Pass หรือไม่มีบัตรโดยสาร จะต้องมาซื้อที่นี่      เรือท่องทะเลสาบลูเซิร์น เป็นเรือมขนาดใหญ่มีชั้น  ที่นั่งชั้นบนสำหรับตั๋วโดยสารชั้นที่ชั้นล่างสำหรับผู้ถือตั๋วโดยสารชั้นที่มีที่นั่งข้างนอกที่หัวเรือและท้ายเรือ รับลมเย็นสบาย ส่วนในห้องโดยสารกระจกใส เป็นห้องอาหาร มีขนม เครื่องดื่มบริการ  Swiss Pass ใช้บริการเรือได้ฟรี  




              นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เมื่อขึ้นเรือแล้วจะไปนั่งข้างนอก ส่วนพวกเราอยากได้บรรยากาศในเรือบ้างเพราะที่ทะเลสบBrienz นั่งข้างนอกมาแล้ว  จึงเข้าไปนั่งในเคบินที่เป็นห้องอาหาร ไม่เสียตังค์เพิ่มครับ สั่งขนมเครื่องดื่มมาทานนิดหน่อยก็นั่งได้ยาวเลยครับ ที่สั่งนิดหน่อยเพราะราคาแพงมากๆครับ   ข้างในนั่งสบายครับ ไม่ร้อนไม่หนาว และมองเห็นทิวทัศน์สองฝั่งได้ชัดเจน  

 




           เรือแล่นไม่เร็วมากนัก และแวะรับ-ส่งผู้โดยสารตามท่าต่างๆ   นั่งชมทิวทัศน์สลับกับออกไปสัมผัสบรรยากาศหนาวเย็นข้างนอก  ทะเลสาบลูเซิร์นสวยงามสมดังคำล่ำลือ สมกับเป็นเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมจริงๆครับ  









การล่องเรือครั้งนี้เราจะล่องไปถึงแค่ท่าเรือเมืองViznau แล้วจะต่อด้วยรถไฟขึ้นเขาRigiที่ท่าเรือแห่งนี้

เที่ยวสวิสด้วยตนเอง: รีวิวทริปเที่ยวฤดูใบไม้ผลิ 8 วัน Ep.5ตามหาJungfrau ขึ้นเขาSchilthorn ลงเขาสู่ทะเลสาบBrienz

google.com, pub-9296050589314666, DIRECT, f08c47fec0942fa0


                   บ่ายวันที่. จากGrindelwald มุ่งหน้าสู่ Schilthorn โดยใช้เส้นทางรถไฟสายเดิมR61 ลงมาที่สถานีZweilutschinen แล้วรอรถขบวนที่มาจากInterlaken Ost เพื่อไปต่อยังหมู่บ้าน Lauterbrunnen ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อรถไฟมาถึงสถานีLauterbrunnen เราตัดสินใจที่จะขึ้นเขาSchilthornก่อนแล้วค่อยแวะเที่ยวหมู่บ้านตอนขากลับ จึงเดินไปขึ้นกระเช้าซึ่งเป็นกระเช้าขนาดใหญ่จุคนได้กว่า50คนไปยังGrutscalp ใช้เวลาเพียงนาที แล้วนั่งรถรางต่อไปอีก 14นาทีก็ถึงหมู่บ้านMurrenที่อยู่บนเทือกเขาแอล์ปสูง 1,638 เป็นหมู่บ้านตีนเขาของSchilthorn เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ธรรมชาติสวยงามมาก การคมนาคมการท่องเที่ยวของสวิสนี้นับว่าสะดวกมากสามารถเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้ง่ายๆด้วยพาหนะสาธารณะ ทั้งใครมีSwiss pass สามารถขึ้นพาหนะต่างๆได้ฟรีจนถึงหมู่บ้านนี้  เมื่อลงจากรถรางแล้วเดินผ่านถนนเล็กๆในหมู่บ้าน เพื่อไปขึ้นกระเช้าซึ่งอยู่ท้ายหมู่บ้านเพื่อไปSchilthorn.   เดินชมบ้านเรือนและธรรมชาติที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง สวยงามมาก บ่ายกว่าๆแล้วรู้สึกหิว จึงแวะพักที่สนามเด็กเล่นของหมู่บ้านเอาแซนวิสที่เตรียมมาทานกัน แถมด้วยนำมาม่าคัพรสต้มยำกุ้งน้ำข้น ใส่น้ำร้อนที่เตรียมมา  แซนวิสกับมาม่าร้อนๆกับวิวหลักพันล้าน หร่อยสุดจะบรรยาย 




         

          ตามหาJungfrau 

     เติมพลังแล้วเดินต่อไปจนถึงท้ายหมู่บ้านเพื่อขึ้นCable Car เพื่อไปยังBrig ชมวิว3ภูเขาEger,Monch และJungfrau แล้วไปSchilthorn ชมพิพิธภัณฑ์การถ่ายทำหนังเจมส์บอนด์ ไต่หน้าผาThrill Walk และCliff Walk การขึ้นSchilthornจากMurrenนี้ต้องเสียค่าตั๋วคนละ 85.6 ฟรังก์ ใช้Swiss Passลดครึ่งหนึ่งเหลือคนละ 43 ฟรังก์(ราวๆ1,650บาทเมื่อไปถึงจุดขายตั๋ว พนักงานบอกว่าอย่าไปเลย ข้างบนมีแต่เมฆหมอกไม่เห็นอะไรเลย พร้อมโชว์จอให้ดูมองเห็นขาวไปหมดไม่เห็นภูเขาเลย    อดเห็นJungfrau   จึงตัดสินใจไม่เสียตังค์ดีกว่า (นี่ถ้าหากมากะทัวร์ยังไงก็ต้องขึ้นเสียตังค์แล้วนิ ) เปลี่ยนใจไปนั่งกระเช้าตรงไปGimmelwald เป็นกระเช้าขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่อัดคนเข้าไปจนแน่น ราวๆ50คนได้ กระเช้าพาผ่านยอดไม้ ผ่านเขาสูง ใช้เวลา 5นาทีถึงGimmelwald 


                เหาะจากยอดเขา ไปดูน้ำตก

             จากGimmelwald เปลี่ยนไปกระเช้าอีกสายหนึ่งเพื่อลงไปยังStechelberg กระเช้านี้น่าทึ่งมากเป็นกระเช้าขนาดใหญ่จุคนได้ราวๆ60คน มีกระจกใส มีสายเคเบิลโยงจากสถานียอดเขา ตรงดิ่งลงสถานีปลายทางที่อยู่ข้างล่างโดยไม่มีเสากลางใดๆเลย ยืนอยู่ข้างหน้าสุด กระเช้าเลื่อนลงสู่ข้างล่างลิบๆ เสียวสุดๆเลยครับ ใช้เวลาจากยอดเขาถึงที่หมายข้างล่าง 5 นาที




          

        ที่นี่จะมีรถบัสต่อไปยังLauterbrunnen แต่ยังก่อนมองไปข้างหน้าเห็นน้ำตกขนาดใหญ่ขาวๆไหลลงมาจากหน้าผาสูง ลงสู่ข้างล่างเป็นต้นลำธารใสไหลผ่านทุ่งหญ้าเขียวๆ จึงพากันเดินไปชมความงาม พบกับวัวกำลังเล็มหญ้าเขียวๆที่มีดอกเล็กๆสีเหลือง ดูสงบร่มรื่นและสวยงามเกินบรรยาย ถ่ายรูปเพลินพร้อมเดินไปยังน้ำตกต้นลำธาร น้ำตกนี้ชื่อว่า   Murrenbachfall ความสูงจากพื้นถึงยอด 417 เมตร เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ ข้างบนเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่เกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็ง ทำให้มีน้ำขังจำนวนมากและไหลรินตลอดปี  ได้สัมผัสกับน้ำในลำธารเย็นเจี๊ยบชื่นใจ  มาที่นี่ได้ประสบการณ์ที่ไม่เคยไปพบเห็น คือช่วงที่มองไปบนหน้าผาสูงอีกฟากหนึ่งของน้ำตกMurren. มีน้ำตกเล็กๆสาย ไหลรินลงมาสักพักน้ำตกหายไปเหลือเพียงสายหิมะขาวๆติดอยู่บนหน้าผา อากาศคงเย็นจัดจนน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง น้ำตกที่นี่เกิดจากการละลายตัวของหิมะ  ดังนั้นเมื่อหิมะหยุดละลาย น้ำตกก็หยุดไหล 






         จากยอดเขาสู่ทะเลสาบ หมู่บ้านIseltwald

    เมื่อชมธรรมชาติจนพอใจแล้วจึงนั่งรถBusกลับไปยัง Lauterbrunnen นั่งรถบัสราวๆ15 นาที ทางเป็นพื้นราบผ่านท้องทุ่ง เส้นทางนี้ผ่านหมู่บ้านLauterbrunnen ที่รายล้อมด้วยภูเขาสูงที่หิมะปกคลุม ทำให้เห็นหมู่บ้านที่สวยงามแต่ละบ้านมีบริเวณบ้านเป็นสนามหญ้าสีเขียวสดใสแซมด้วยดอกไม้สีเหลืองดูสบายตา น่าสัมผัส ทริปหน้าจะมานอนสักคืนสองคืน  เมื่อรถบัสถึงสถานีรถไฟ เป็นเวลาบ่าย3โมงกว่าๆ จึงเปลี่ยนใจไม่เดินชมหมู่บ้านละเพราะเห็นจากนั่งรถผ่านแล้ว  งั้นไปตามรอยละครเกาหลีสหายผู้กอง Crash Landing on Youที่Iseltwaldกันดีกว่า ว่าแล้วจึงนั่งรถไฟไปInterlaken Ost มีswiss passก็ดีแบบนี้แหละอยากไปไหนไปเลยไม่ต้องห่วงซื้อตั๋วและค่ารถ  เมื่อถึงสถานี ขึ้นรถบัสสาย 103 ไป Iseltwald ไม่ต้องห่วงว่าจะขึ้นผิดคันเพราะมีป้ายเขียนบอกที่หน้ารถ อีกทั้งนักท่องเที่ยวเกาหลียืนรอกันอยู่เต็มที่จอดรถ ขึ้นตามเขาไป รถวิ่งใช้เวลาราว 21 นาที ก็ถึงหมู่บ้านIeltwald ที่เป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆริมทะเลสาบBrienz  แต่สภาพเป็นตึกรามบ้านช่องเจริญมีโรงแรมที่พักมากมายเพราะหมู่บ้านนี้โด่งดังจากละครสหายผู้กอง  ที่นี่จึงเป็นจุดหมายที่สำคัญของนักท่องเที่ยวเกาหลีที่จะพลาดไม่ได้ ทุกคนจะมาดูสะพานเล็กที่ทอดไปสู่ทะเลสาบที่มองเห็นวิวทะเลสาบสีฟ้าสวย อลังการ์มาก สะพานนี้เป็นที่ถ่ายทำละครที่พระเอกนางเอกของเกาหลีมาดังนั้นหมู่บ้านนี้จึงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวเกาหลี และนักท่องเที่ยวไทยที่พลอยตามรอยไปกะเขาด้วย   


      


        

               ล่องเรือ หารักที่Brienz


          เดินถ่ายรูปสักพักเห็นเรือขนาดใหญ่เข้าเทียบท่า ไปดูป้ายพบว่าเป็นเรือFerry ล่องทะเลสาบBrienz มุ่งหน้าปลายทาง Interlaken จึงรีบพากันไปขึ้นเรือ เพื่อล่องทะเลสาบBriez ทะเลสาบนี้เป็นทะเลสาบที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์อยู่ใกล้กับทะเลสาบThun ที่มีเมืองinterlakenขั้นกลาง  ทะเลสาบ Brienz สวยงามมาก น้ำสีฟ้าใส สองฝั่งเป็นธรรมชาติมีป่าเขา ท้องทุ่งและภูเขาสูงเป็นฉากหลังสวยงามมาก มีบรรยากาศโรแมนติกที่นักท่องเที่ยวใฝ่ฝันจะมาเยือน  เรือFerryที่นั่งเป็นเรือขนาดใหญ่ 2 ชั้น ชั้นบนเป็นชั้นส่วนชั้นล่างเป็นชั้นเรามีSwiss Pass แบบชั้นจึงอยู่แต่ชั้นล่าง ในเรือเป็นห้องอาหาร ข้างนอกมีที่นั่งที่หัวเรือ  ท้ายเรือและกราบเรือทั้งข้าง เรือแล่นเร็วพอสมควรทำให้ลมปะทะตัวแรง ทำให้หนาวเย็นต้องใส่เสื้อกันหนาวและกันลมเพลิดเพลินกับการล่องเรือชมธรรมชาติที่สวยงาม ใช้เวลาราว 40 นาทีเรือก็ถึงท่าInterlaken Ost(See)  เวลา6โมงเศษๆ






           ไม่ตามหาแต่ Jungfrau มาเยือน 

          แวะอุดหนุนCoop ซึ่งเป็นSupermarkrtขนาดใหญ่ที่อยู่หน้าสถานีรถไฟ พบนักท่องเที่ยวทั้งไทย เกาหลี อินเดีย ต่างเข้ามาจับจ่ายซื้อเสบียงไปทำอาหารเย็นกัน โดยเฉพาะสินค้าสดที่มีการลดราคาเกือบครึ่งในช่วงก่อนห้างปิด สินค้าที่ลดราคาจะเขียนว่าAction นทท นิยมมาก ไม่ต้องห่วงว่าเขาจะเอาของเน่าเสียหรือหมดอายุมาลดราคา ซื้อของเสร็จนั่งรถBusสาย131 กลับที่พัก ทำกับข้าวเย็นทานกัน  

  


                Interlaken เย็นวันนี้ อากาศสดใส ทัศนวิสัยดี ถึงที่พักสุดจะดีใจ ที่ชานหน้าบ้าน มองเห็นยอดเขาสูงที่มีหิมะปกคลุม ได้อย่างชัดเจน มันเป็นยอดเขาMonchและJungfrau ที่ตามหามาทั้งวันไม่เจอ  เฮ้อ โชคดีจริง มาทริปนี้ไม่เสียเที่ยว สุโขจริง













เที่ยวSalzburg ประเทศออสเตรีย

           Salzburg ชื่อนี้อาจไม่คุ้นนัก แต่หากเอ่ยถึงภาพยนต์เพลงชื่อก้องโลก The Sound of Music แล้วทุกคนคงรู้จัก หนังเรื่องนี้ถ่ายทำในเมือ...