เที่ยว Vietnam กับทัวร์ : Ep.1 เดินทางสู่ ดานัง Da Nang

google.com, pub-9296050589314666, DIRECT, f08c47fec0942fa0

 


      • บันทึกการท่องเที่ยวทริปนี้จะเสนอการท่องเที่ยวเวียตนามกับบริษัทนำเที่ยว ที่พาไปเที่ยวเวียตนามกลาง ดานัง เว้ ฮอยอัน และบานาฮิลล์ 3 คืน 4 วัน ครับ มีเพื่อนๆหลายคนถามผมว่าคราวไปเที่ยวสวิตเซอร์ลนด์ทำไมไปเที่ยวเอง ทีไปเวียตนามทำไมไม่เที่ยวเองทำไมซื้อทัวร์ล่ะ ขอตอบว่าผมใช้2 ปัจจัยหลักที่ประกอบการตัดสินใจว่าจะไปกับทัวร์หรือเที่ยวเอง  คือ ค่าใช้จ่าย  และความสะดวกสบาย ความยากง่ายของการเดินทางครับ   สวิตเซอร์แลนด์ถ้าไปกับทัวร์  8 วัน ราคาหลักแสนขึ้นไป  ถ้าไปเองค่าใช้จ่ายถูกกว่า2-3หมื่นบาท และที่สวิตเซอร์แลนด์การเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆทำได้ง่าย สะดวกสบาย มีพาหนะประจำทางเข้าถึงจุดท่องเที่ยวได้เลย ทั้งมีความปลอดภัยสูง ส่วนที่เวียตนาม การเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ค่อนข้างยุ่งยาก ไม่สะดวกนัก  ไปกับทัวร์สะดวกกว่า ไม่ต้องเสียงกับการถูกเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ประกอบกับค่าใช้จ่ายต่างกันไม่มากนักเผลอๆถูกกว่าเที่ยวเอง   แต่การเที่ยวกับทัวร์มีข้อด้อยตรงที่ต้องไปกับกลุ่มคนเยอะๆ  เวลาท่องเที่ยวแต่ละแห่งมีจำกัด ไม่ยืดหยุ่นเที่ยวแบบเร่งรีบตามโปรแกรม  
      •       ไปเวียตนามคราวนี้ผมตัดสินใจไปกับทัวร์ คงไม่ต้องบอกชื่อทัวร์นะครับ เพราะทัวร์ทั้งหลายที่เราเห็นโฆษณานั้นเป็นทัวร์รายย่อยเสมือนเป็นแผนกขาย เมื่อได้ลูกค้าแล้วก็จะส่งให้ขาใหญ่หรือWholsale ซึ่งเป็นทัวร์จริงๆซึ่งมีอยู่ไม่กี่เจ้า รวมเอาลูกค้าจากหลายบริษัทที่ส่งมาให้จัดการเดินทางตามโปรแกรม  ดังนั้นใครจะซื้อทัวร์ของบริษัทใดอ่านคอมเมนต์หลายๆคอมเมนต์ก่อนตัดสินใจ เพราะบริษัททัวร์ที่เราซื้อจะส่งให้ขาใหญ่ที่แตกต่างกัน ทัวร์ดีหรือไม่ดีอยู่ที่ขาใหญ่ครับ อนึ่งการเลือกทัวร์ควรศึกษาโปรแกรมให้ดีครับ หลายท่านเลือกที่เขานำเสนอที่เที่ยวเยอะๆ ซึ่งบางทีก็เป็นจุดเดียวกันหรือไม่ก็เป็นชะโงกทัวร์ ก่อนเลือกทัวร์ควรจะพอรู้บ้างว่าสถานที่เที่ยวที่อยู่ในโปรแกรมเป็นอย่างๆไร ใกล้ไกลแค่ใหน น่าเที่ยวชมอย่างไร    บางท่านเลือกวันเดินทางเยอะๆ  ซึ่งก็ไม่จริงเสมอไป   วันเดินทางเยอะไม่ได้หมายความว่าได้เที่ยวเยอะ  บางทีอาจเป็นการเดินทางเป็นส่วนใหญ่ เช่นทัวร์ที่ผมไปเวียตนาม โปรแกรมกำหนด ไว้ 3 คืน 4 วัน จริงๆแล้ว วันแรกตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย 4โมง เป็นการเดินทาง ได้เที่ยวก็ตอนเย็น ส่วนวันสุดท้ายคือวันที่4 ของโปรแกรม   เช้าถึงบ่าย2 โมง  เป็นการเดินทางกลับจากแหล่งเที่ยวถึงสนามบินดานังและสนามบินดอนเมือง ได้เที่ยวจริงๆเพียง2วันกับตอนเย็น ครับ
      •             การท่องเที่ยวเองต้องวางแผนและเตรียมตัวเป็นอย่างดี ผมใช้เวลา 6 เดือนในการเตรียมตัวเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์(หาอ่านได้จากBlog เที่ยวสวิสด้วยตนเอง : วางแผนการเดินทางส่วนไปกับทัวร์ที่เวียตนามครั้งนี้ หลังจากจองและจ่ายเงินค่าทัวร์แล้ว ผมใช้เวลาเตรียมตัวแค่จัดกระเป๋าเดินทางเพียงวันเดียวครับ

      •         ผมขอนำประสบการณ์จากการเดินทางครั้งนี้มาเล่าสู่กันฟังมาแนะนำในการวางแผนการเดินทางหากท่านจะไปเที่ยวเวียตนามครับ เริ่มจากเตรียมสายชาร์จโทรศัพท์และPower Bank ครับบนรถทัวร์ไม่มีที่ชาร์จ ส่วนปลั๊กไฟที่เวียตนาม ปลั๊กขากลมที่เราใช้อยู่ใช้ได้ครับ  ซิมการ์ดใช้ซิมบ้านเราหรือไปซื้อที่สนามบินดานังได้ครับ ที่โรงแรมส่วนใหญ่มี wifiฟรี  เสื้อผ้าใช้เหมือนบ้านเรา อาจเตรียมเสื้อกันหนาวบางๆไว้ใช้บนบานาฮิลล์เตรียมร่มไว้หน่อยเผื่อฝนตกหรือใช้กันแดดได้   แดดแรงพอควรครับ เงิน เตรียมเงินบาทไว้เอาไปแลกที่โน่นครับจะแลกกับแบงค์หรือกับไกด์ก็ได้ อัตราแลกเปลี่ยนดีกว่าแลกที่ไทยเยอะ ที่สนามบินดอนเมืองอัตราแลกเปลี่ยน ถ้าเอาเงินบาทไปแลกเงินดอง rate .0009 VND เท่ากับ 1 บาท แต่ตอนเอาเงินดองไปแลกเป็นเงินบาทเขาให้แค่ .0018 ดอง ต่อ 1 บาทครับ

         ต่างกันเยอะ ส่วนแลกที่   เวียตนามเขาคิดให้ 650 VND เท่ากับหนึ่งบาทครับ  ผมแลกจากไกด์ 2,000 บาท ได้มา1,300,000 VND รวยเลย แต่ถ้าลองคิดอัตราหากแลกจากดอนเมืองจะได้ 1,111,111.11 VND หายไปเยอะ  แลกที่นั่นเถอะครับถ้าเหลือก็แลกกลับที่บูธแลกเปลี่ยนเงินที่สนามบินได้ครับ(อยู่ตรงGate7) ไม่ต้องแลกเยอะครับ ที่เวียตนามเงินบาทใช้ได้ในแหล่งการค้าหรือแหล่งท่องเที่ยวต่างๆเป็นส่วนใหญ่ครับต่อรองเป็นเงินบาทได้ครับ พ่อค้าแม่ค้าฟังภาษาไทยรู้เรื่องครับ  ส่วนที่โรงแรมส่วนใหญ่หรือที่บานาฮิลล์ ไม่รับเงินบาทนะครับ 
      •         ทัวร์ที่ไปเป็นทัวร์เที่ยวเวียตนามกลาง สถานที่เที่ยวหลักๆ คือ ดานัง ฮอยอัน หมู่บ้านเรือกระด้ง  เว้ นั่งสามล้อและล่องเรือมังกร และบานาฮิลล์ครับ พาหะนะการเดินทางคือ รถบัสขนาด45 ที่นั่ง และกระเช้าขึ้นบานาฮิลล์  มีไกด์ไทยและไกด์ท้องถิ่นซึ่งเราต้องจ่ายค่าทิปไกด์ท้องถิ่นอีกต่างหากจากค่าทัวร์คนละ 1,500 บาท  ค่าทัวร์จะรวมทุกอย่างตั้งแต่ค่าพาหนะ ค่าอาหารทุกมื้อ ค่าที่พัก ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว ค่านั่งสามล้อ นั่งเรือกระด้ง นั่งเรือมังกร  (ไม่รวมค่าทิปค่ากระเช้าขึ้นบานาฮิลล์นอกจากนี้ยังมีบริการขนมลูกอม น้ำดื่มบนรถ แถมร่มให้อีกหนึ่งคันไว้กันแดดกันฝน เบ็ดเสร็จครับเราเตรียมไปแค่ค่าช้อบปิ้ง ค่ากินที่นอกเหนือจากรายการเท่านั้น 
      •           วันเดินทางไกด์นัดหมายลูกทัวร์ที่สนามบินดอนเมืองขาออกประตูเวลา 6โมงเช้า หลายคนต้องตื่นตั้งแต่ตี4  ส่วนผมเดินทางพร้อมภรรยา บ้านอยู่ใกล้สนามบินตื่นีห้ากว่าๆครับออกจากบ้านตีห้าห้าสิบ   6 โมงถึงสนามบินพอดี ไกด์รออยู่แล้วครับ จากนั้นก็นำกระเป๋าเข้าเช๊คอิน6โมงครึ่งเสร็จแล้ว  แต่เวลาขึ้นเครื่อง 9.05 เครื่องจะออก9.45 เวลาเหลือเฟือ กลับบ้านไปนอนต่อยังได้เลย แต่ไม่ครับ พากันเดินไปชั้นล่างตรงขาเข้าครับ มีร้านเลข 7 อยู่(ตรงขาออกไม่มีนะครับแวะซื้อลูกอม ขนมไว้ทานรองท้อง  ท่านใดจะซื้อของราคาปกติก็ซื้อที่นี่นะครับ ส่วนร้านค้าอื่นราคาเมืองนอกนะครับ และข้างในหลังผ่าน ตมไม่มีเล้าท์สายการบินหรือของคิงพาวเวอร์นะครับ มีเล้าท์เดียวจำชื่อไม่ได้ค่าเข้าทานอาหารหัวละ750 บาท ส่วนสายช้อป ร้านค้าก็มีไม่มากครับ
      •          วันนี้นักท่องเที่ยวน้อย การผ่าน ตม.และตรวจเอ๊กซเรย์ ใช้เวลาไม่นานนัก  เราเดินเล่นสักพักจึงไปนั่งพักที่Gate รอเวลาขึ้นเครื่อง 9.05 . ในGateที่ดอนเมืองไม่ใหญ่โตเหมือนที่สุวรรณภูมิ และไม่มีห้องน้ำนะครับ 
      •         เครื่องแอร์เอเชียออกตรงเวลาครับ เวลาบิน กรุงเทพดานังใช้เวลา1ชั่วโมง45 นาที แต่วันนี้บินจริงแค่1ชั่วโมง25นาทีถึงก่อนเวลาตั้ง20 นาที สนามบินดานัง ขาเข้าไม่ใหญ่โตมากนัก  ออกจากเครื่องบินเป็นชั้นนำทางไปสู่ชั้นล่างที่มีลานกว้างสำหรับ ตม.มีช่องช่อง คนเยอะมาก 

        ใช้เวลากว่า40 นาทีจึงผ่าน ตมออกมาแล้วก็ต้องรอนักท่องเที่ยวคนอื่นในคณะจนครบก่อนครับ  จึงขอแนะนำผู้ที่จะเดินทางเข้าสนามบินดานังพอลงจากเครื่องให้ตรงดิ่งไปรอคิวที่ ตม.เลย อย่าแวะเข้าห้องน้ำก่อน ไม่งั้นอยู่ท้ายแถวแน่ หลังผ่าน ตมฺแล้วมีห้องน้ำ อยู่ถัดไปจากสายพานรับกระเป๋า  บริเวณนี้มีร้านดิวตี้ฟรีอยู่ 1 ร้าน ที่เหลือราวๆ6-7 ร้าน เป็นบูธขายซิมการ์ดครับ ไม่มีร้านแลกเปลี่ยนเงินตรา ครับ

         หลังจากได้กระเป๋าแล้วเดินออกจากสนามบินต้องผ่านการX-ray กระเป๋าก่อน แต่แปลกครับ เข้าเครื่องตรวจเฉพาะกระเป๋าถือใบเล็กๆครับ ใบใหญ่ไม่ต้องลากไปได้สบาย เมื่อผ่านแล้วใครจะแลกเงินให้เดินเลี้ยวซ้ายไปตามถนนครับมีธนาคาร ร้านแลกเปลี่ยนเงินตราอยู่หลายร้าน 
      •       สรุปแล้วใช้เวลาที่สนามบินดานัง 1 ชั่วโมงพอดี กว่าจะออกจากสนามบินเวลาเที่ยงครึ่ง ไกด์ก็เดินนำลูกทัวร์รวมทั้งสิ้น 30 คน ไปขึ้นรถบัสที่จอดอยู่ลานใกล้ๆ เป็นรถบัสขนาด45 ที่นั่งไม่มีห้องน้ำนะครับขึ้นรถต้องขึ้นด้านขวา ที่เวียตนามรถเป็นพวงมาลัยซ้ายและวิ่งทางขวานะครับ ภารกิจแรกคือพาเราตรงดิ่งไปร้านอาหาร ไปทานเฝอ เป็นมื้อแรกเลยครับ  Epต่อไปจะพาไปเที่ยวนะครับ

         

เที่ยว Thailand : เที่ยวเกาะสีชัง Koe Si Chung

google.com, pub-9296050589314666, DIRECT, f08c47fec0942fa0
 

 

             เกาะสีชัง ชลบุรี เป็นเกาะที่อยู่ใกล้ๆกรุงเทพ มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามรอบเกาะ การไปเที่ยวก็ง่ายสามารถไปเช้า บ่ายหรือเย็น กลับได้ หรือจะนอนพักค้างก็ได้ แต่แปลกที่ไม่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม  หากไปชลบุรีก็จะไปบางแสนพัทยา เกาะล้าน ส่วนเกาะสีชังมักจะไม่ถูกจัดอยู่ในโปแกรมท่องเที่ยว  ผมเชื่อว่าหลายท่านไปเที่ยวไหนต่อไหนสุดหล้าฟ้าเขียว เที่ยวชลบุรีนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยไปเกาะสีชัง    ส่วนตัวผมเอง ไปสีชังครั้งแรกในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยเมื่อปี 2519  แล้วอีก43 ปีผ่านมาครั้งที่เมื่อปี2562 ไปงานสัมมนา  และครั้งนี้วันอาทิตย์ (10 .66)ซึ่งเป็นการไปแบบไม่ตั้งใจไม่อยู่ในโปรแกรมเที่ยวเผอิญมีธุระแถวๆศรีราชา แล้วพอมีเวลาว่างจึงไปเที่ยวสีชัง รู้สึกประทับใจในความสวยงาม และการจัดการการท่องเที่ยวของชาวเกาะสีชัง

      

             วันนี้ผมจึงขอนำเที่ยวเกาะสีชัง ครึ่งวัน แบบสไตล์ไปชม ชื่นชมกับบรรยากาศแหล่งท่องเที่ยว ถ่ายรูปจนพอใจแล้วกลับ ไม่ได้เที่ยวแบบเจาะลึกเก็บรายละเอียดนะครับถ้าแบบนั้นคงต้องใช้เวลาหลายวัน  ซึ่งสามารถทำได้เพราะสีชังมีที่พักมากมาย  

           

             ขับรถจากกรุงเทพถึงศรีราชาใช้เวลาเพียง 1ชั่วโมง20นาที แล้วมุ่งตรงไปที่เกาะลอยซึ่งมีสะพานคอนกรีตยาวราวๆ500 เมตร เชื่อมเกาะกับชายฝั่งศรีราชา ที่นี่มีจุดชมวิว แหล่งท่องเที่ยวทั้งวัด เก๋งจีน เจ้าแม่กวนอิม และมีสิ่งก่อสร้างใหม่คือสะพานลอยน้ำยาวราวๆ100 เมตร ขนานไปกับสะพานคอนกรีต เป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกายตอนเช้าและเย็น      ที่เกาะลอยมีท่าเรืออยู่ท้ายเกาะ    ไปเกาะสีชัง ต้องขึ้นเรือที่ท่าเกาะลอยนี้ สามารถจอดรถได้ที่จุดจอดรถหรือบนสะพานได้ไม่เสียตังค์ครับ ควรมาเช้าๆถ้าสายหน่อยหาที่จอดยาก  ค่าเรือไปเกาะสีชัง คนละ 50บาทซื้อได้ที่ตู้ขายตั๋วที่ท่าเรือ เรือจากศรีราชาไปเกาะสีชังใช้เวลา 45 นาที ออกทุกต้นชั่วโมง เที่ยวแรก 7.00 .เที่ยวสุดท้าย 18.00 ส่วนขากลับออกจากเกาะสีชังเที่ยวแรก6.00เที่ยวสุดท้าย 18.00 ใช้เวลาราวๆ45นาทีเช่นกันครับ 




        นั่งเรือออกจากท่า 7.00 .เป๊ะครับเรือตรงเวลา(นึกว่าอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์)เรือโดยสารมุ่งตรงไปเกาะสีชัง ฝ่าคลื่นเล็กบ้างใหญ่บ้าง แต่ไม่ถึงกับโคลงเคลง (ถ้าคลื่นลมแรงเรือคงไม่ออกจากฝั่ง ) แล่นผ่านเรือสินค้าลำใหญ่ที่ทอดสมอรอขนส่งสินค้าที่ท่าเรือน้ำลึกที่อยู่กลางทะเล เรือใหญ่บางลำก็มีเรือสินค้าลำเล็กมาเทียบขนสินค้าเข้าฝั่ง


  เมื่อเรือแล่นกลางทะเลบางช่วงจะมีนกนางนวลบินตามเรือเป็นระยะๆเพื่อมาหาอาหารที่ผู้โดยสารบรรทุกมาบนดาดฟ้าหัวเรือ   ถ้าการท่องเที่ยวโปรโมทให้เรือโดยสารโปรยอาหารให้นกเพื่อให้ฝูงนกนางนวลบินตามเรือจะได้เป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวมาสีชังได้ดีทีเดียวครับ    ครั้นเรือแล่นใกล้ถึงเกาะสีชัง จะแวะรับส่งผู้โดยสารที่เกาะขามใหญ่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์  ใครสนใจแวะลงเที่ยวก่อนได้ครับ   จากเกาะมะขามใหญ่ราวๆ5นาทีก็ถึงท่าเรือเกาะสีชัง 

        เรือมาถึงท่าเรือเกาะสีชัง7.46 .ครับท่าเรือจะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ร้านกาแฟชื่อดัง แวะทานได้ครับ 




บริเวณสะพานทางเดินเข้าฝั่งจะมีรถจอดเรียงรายเป็นระเบียบ มีแถวมอเตอร์ไซด์  แถวสามล้อเครื่องหรือสกายแล๊ป และแถวจอดรถสองแถว   แต่ละแถวจะมีป้ายบอกราคาชัดเจน ที่นี่เขาจัดระบบการบริการท่องเที่ยวดี มั่นใจได้ว่าไม่ถูกเอาเปรียบแน่ครับ ถ้ามากันหลายคนเลือกใช้บริการรถสองแถวเลยครับประหยัดดีช่วยกันแชร์ค่าใช้จ่าย เขาจัดโปรแกรมให้หลายโปรแกรมตามจำนวนแหล่งท่องเที่ยว อาทิ โปรแกรมเที่ยวจุด 500 บาท 5 จุด800 บาทหรือเหมาเที่ยวทั้งวัน 1,500 บาท  ใครสนใจขับมอเตอร์ไซด์เองก็เช่าได้ครับทั้งรายชั่วโมง เหมาทั้งวันหรือเหมาค้างคืนได้ครับ ถ้าเหมาทั้งวัน250 บาท แต่ผมไม่ถนัดและไม่อยากเสี่ยงขี่เอง ไม่ชินเส้นทางทั้งมีทางขึ้นเขาลงเขา

 มากันคนจึงตัดสินใจเลือกนั่งสกายแล๊ปซึ่งนั่งได้แถวหันหน้าเข้าหากันแถวละคน ซึ่งมีโปรแกรมโปรแกรมคือ เที่ยว 4 จุด 6 จุดและเหมาทั้งวันราคา 300 บาท 500 บาทและ1,000 บาทตามลำดับ ผมเลือกแบบเที่ยว 6 จุดซึ่งจะแวะทานข้าว หรือดื่มกาแฟชิลชิลได้ ครับ

        ขึ้นนั่งแล้วบอกคนขับว่าไปส่งทานข้าวเช้าก่อนนะ โชเฟอร์จึงขับพาไปย่านตลาดกลางเมือง แวะส่งเราแล้วบอกว่าทานเสร็จให้โทรหาจะมารับพร้อมยื่นนามบัตรให้ ที่นี่จะได้ชมบ้านเรือน ร้านค้า และวิถีชีวิตชาวท้องถิ่นที่มาจับจ่ายซื้อของ ทานอาหารเช้ากัน ใครสนใจปูม้าสดๆก็จะมีชาวบ้านนำมาใส่กะลามังวางขาย  


ราคาอาหารร้านท้องถิ่นไม่แพงครับ เราทานก๋วยจั๊บคนละชามๆละ50 บาท และซื้อน้ำ ขนมที่ร้านขายของชำติดมือไปทานระหว่างท่องเที่ยว ทานเสร็จโทรศัพท์เรียกรถมารับ แป๊ปเดียวก็มา รถพาเราไปท่องเที่ยวจุดแรกที่ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่


         สถานที่เที่ยวบนเกาะสีชังทุกแห่งไม่เสียค่าเข้าชมครับ แต่ละแห่งมีการพัฒนารองรับการท่องเที่ยว ถนนหนทางสะดวกพาหนะเข้าถึงจุดท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวมีการพัฒนา มีทางเดิน จุดพักผ่อน จุดชมวิว มีสิ่งอำนวยความสะดวก บางจุดมีร้านค้า ร้านอาหาร มีบริการห้องสุขา เป็นระเบียบ ที่ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ก็เช่นกัน ตั้งอยู่บนเนินเขา


 มีรถรางคันเล็กที่ใช้รอกสลิงชักขึ้นลง ไว้บริการนักท่องเที่ยวให้ขึ้นไปสักการะศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ศาลเจ้าพ่อเห้งเจีย พระสังกัจจาย ที่นี่จะเห็นวิวเมืองด้านท่าเรือของเกาะสีชังได้ชัดเจน


 ส่วนท่านใดจะสักการะบูชาเจ้าแม่กวนอิมก็เดินลงมาทางด้านล่งของศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ใกล้ๆรถรางคันสีแดง ที่นี่ค่อนข้างจะมีกล่องทำบุญ กล่องรับบริจาคเยอะสักหน่อย รวมทั้งจุดซื้อสิ่งของเซ่นไหว้



สักการะเจ้าพ่อเขาใหญ่เสร็จ สารถีสกายแล๊ปก็ขี่รถขึ้นเขาพาเราไปชมรอยพระพุทธบาทโบราณที่นำมาจากพุทธคะยา ประเทศอินเดีย ซึ่งประดิษฐานอยู่บนยอดเขาสูงที่สุดของเกาะสีชัง ที่สมเด็จ .5 พระราชทานนามว่า “ยอดพระจุลจอมเกล้า”   ที่นี่มีต้นไม้ร่มรื่น มองเห็นทิวทัศน์ทะเลโดยรอบ สักการะรอยพระพุทธบาท พร้อมจะเสียงสวดมนต์บารมี10 ทิศ ตีระฆังให้ดังกังวาลบนยอดเขา แล้วเดินลงมานั่งสามล้อไปเที่ยวต่อ สารถีดีครับ ไม่มีรีบเร่งปล่อยให้เราเที่ยวแต่ละแห่งตามพอใจ

     


  จุดต่อไปเป็นจุดที่ห้ามพลาดคือ ช่องเขาขาดหรือช่องอิศริยาภรณ์ ที่เป็นช่องเขาที่ขาดออกจากกัน เป็นจุดชมวิวที่เห็นทะเลสีฟ้าใสสวยงาม  เห็นหน้าผาที่สวยงาม ชมคลื่นที่กระทบกับโขดหิน มีจุดพักผ่อนนั่งเล่นชมทิวทัศน์ท่ามกลางสายลมที่เย็นสบาย  ด้านบนจะมีโจรสลัดตัวใหญ่ส่องกล้องมองไปในทะเลถือเป็นจุดเช๊คอินที่ไม่ควรพลาด  เดินเล่นบนสะพานสีขาวๆชื่อสะพานวชิราวุธที่ทอดยาวไปตามโขดหิน  ที่เขาขาดนี้เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตก ลับขอบฟ้า ที่สวยงามที่สุดบนเกาะสีชัง หากท่านใดมาพักค้างแรมอย่าพลาดมาชมช่วงเย็นนะครับ


        จากนั้นสารถีพาเราเข้าชมพิพิธภัณฑ์จุฑาธุชราชฐาน ซึ่งเคยเป็นพระราชวังที่ประทับแปรพระราชฐานของสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งอยู่ริมทะเล (ปัจจุบันไม่มีแล้ว ถูกรื้อไปในช่วงฝรั่งเศสบุกเกาะสีชัง รศ.112 ) มีจุดเด่นคือสะพานอัษฏางค์ที่สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าให้สร้างขึ้นด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เป็นสะพานและศาลาสีขาวที่ทอดยาวลงไปในทะเล ตรงนี้เป็นจุดเช็คอินถ่ายรูปที่สวยงามมาก ละครหลายเรื่องก็ได้มาถ่ายทำที่นี่   พอดีฝนเทกระหน่ำลงมาจึงได้ใช้ศาลาเป็นที่พักหลบฝน จนฝนซาจึงเดินตามถนนที่ปูด้วยหิน ชมคร่าวๆบริเวณพิพิธภัณฑ์ ซึ่งมีสนามหญ้ากว้างใหญ่  เดินชมฐานพระที่นั่งธาตุรัตนโรจน์ ซึ่งถูกรื้อไปสร้างเป็นพระที่นั่งวิมานเมฆในพระราชวังดุสิต  ชมเรือนไม้ริมทะเล ส่วนเรือนวัฒนาซึ่งใช้เป็นที่จัดนิทรรศการ ไม่ได้เข้าชม เดินไปสักการะพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ที่อยู่ในพลับพลาสีขาวเล็กๆบนเนิน  ฝนเริ่มเทลงมาอีกรอบ จึงรีบเดินทางไปเที่ยวจุดต่อไป

     


  

ถ้ำทะลุ Talu Cave ถ้ำนี้ถือว่าเป็นUnseenของเกาะสีชังเลยครับถือเป็นจุดแลนด์มาร์คใหม่ของเกาะสีชัง อยู่บนแหลมถ้ำพัง ซึ่งเป็นเนินโขดหินลาดยื่นไปในทะเล เดินลงไปทางซ้ายมือราวๆ10 เมตร จะเห็นเป็นถ้ำที่มีช่องใหญ่ทะลุถึงกัน และทะลุไปถึงทะเล แต่ทางลงต้องข้ามหินไต่ลงไปเลยไม่ได้ลงเพราะพื้นเปียกจากฝนตกก่อนหน้ากลัวลื่นตกลงไป   เลยถ่ายรูปอยู่ด้านบน ขอบอกว่าที่นี่ฟินมากๆ ไม่ควรพลาดครับ  ส่วนด้านบนเนินโขดหินวิวสวยงาม ชมคลื่นซัดกับโขดหินหน้าผา แตกกระเซ็นน่าดูชมครับ  




         จุดท่องเที่ยวต่อไป บอกสารถีว่าขอเป็นจุดสุดท้ายเพราะอยากไปให้ทันเรือเที่ยวเที่ยงวัน สารถีสกายแล๊ปจึงพาเราไปเที่ยวอ่าวอัษฎางค์ หรือหาดถ้ำพัง มีอ่าวโค้ง หาดทรายสีขาว เป็นหาดเดียวที่เล่นน้ำได้  รวมทั้งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกอีกจุดหนึ่งที่สวยงามไม่แพ้กัน  ที่มีโรงแรมที่พัก ร้านค้าขายของที่ระลึก มีร้านอาหาร มีเตียงผ้าใบให้นั่งทานและชมหาดเหมือนหาดทั่วไป หาดนี้นักท่องเที่ยวฝรั่งเยอะ นิยมมาพัก มาเล่นน้ำ ส่วนใครที่ไม่พักมาเล่นน้ำที่นี่มีบริการห้องอาบน้ำ ต้องเสียเงินใช้บริการครับ  หาดนี้ครึกครื้นครับ ช่วงกลางวันนักท่องเที่ยวทั้งชายหญิงเดินเล่นกันขวักไขว่ ทั้งว่ายน้ำทั้งนั่งทานอาหาร นอนเล่นบนเตียงผ้าใบใต้ร่มสีสดใส   มาเที่ยวสีชังได้บรรยากาศบางแสนด้วยคุ้มค่าครับ


        สกายแล๊ปพาเรามาส่งที่ท่าเรือ ก่อนถึงจุดจอด เห็นปูม้าดิ้นกระแด่วๆอยู่ในตระกร้าที่ชาวบ้านนำมาขาย เลยขอลงก่อนแวะอุดหนุนปูม้าสด 1 กิโลได้ 4 ตัว ราคา 450  บาทใส่ถุงพลาสติกหิ้วไป ค่อยเอาไปใส่ลังโฟมที่รถซึ่งจอดที่เกาะลอย ศรีราชา


  ซื้อปูเสร็จเดินไปจุดขายตั๋ว ขึ้นเรือ โชคดีวันนี้วันอาทิตย์มีผู้โดยสารเยอะจึงมีเรือเสริม ก่อนตารางจริงคือเที่ยวเที่ยงตรง แต่ลำนี้ ออก11.40 เราไปถึง11.30 คนเกือบเต็มเรือแล้ว จากการสังเกตุส่วนใหญ่ผู้โดยสารเป็นนักท่องเที่ยวที่นอนพักค้างที่เกาะเดินทางกลับ  เรือออกกลางทะเล บ่ายนี้คลื่นแรงหน่อยเรือรู้สึกโคลงเคลงตามแรงคลื่นปะทะ ทำให้ผู้โดยสารหลายคนมีอาการเมาคลื่น ส่วนผมไม่เมาครับแถมงีบหลับอีกด้วย พอเรือเข้าใกล้ศรีราชาทะเลดูสงบลงมีคลื่นเล็กๆเรือวิ่งฉิว จนถึงท่าเรือเที่ยงยี่สิบห้านาที   ขับรถกลับ กทมได้สบาย ถึงกทม.ก่อนเวลารถติดอีกด้วย   ใช้เวลาครึ่งวันเช้าเที่ยวเกาะสีชังได้หลายจุด น่าท่องเที่ยว สะดวก ปลอดภัยครับ ลองไปสัมผัสดูสักครั้งซิครับ

      

         

เที่ยวSalzburg ประเทศออสเตรีย

           Salzburg ชื่อนี้อาจไม่คุ้นนัก แต่หากเอ่ยถึงภาพยนต์เพลงชื่อก้องโลก The Sound of Music แล้วทุกคนคงรู้จัก หนังเรื่องนี้ถ่ายทำในเมือ...