เที่ยวสวิสด้วยตนเอง:รีวิวทริปเที่ยวฤดูใบไม้ผลิ 8 วัน Ep.17 เที่ยว Zuric เมืองที่ห้ามพลาด ปิดท้ายทริปสวิส

google.com, pub-9296050589314666, DIRECT, f08c47fec0942fa0




     วันนี้วันอาทิตย์ 7 .คเป็นวันสุดท้ายของทริปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ ต้องขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพที่สนามบินZuricในตอนเย็น ดังนั้นจึงมีแผนเที่ยวZuric ก่อนกลับ  ทานข้าวเช้าเสร็จ เคลียร์ห้อง จัดเก็บขยะวางไว้ที่จุดกำหนด พร้อมววางเงินสดค่าภาษีท้องถิ่นไว้บนโต๊ะ ถ่ายภาพทุกมุมในห้องส่งให้เจ้าของที่พักทางInbox  แล้วลากกระเป๋าออกจากที่พัก ใส่กุญแจเก็บในกล่องหน้าที่พัก(อพาร์ทเมนต์เป็นแบบSelf Check in/Check Out) แล้วขึ้นรถบัสไปสถานีรถไฟลูเซิร์นจากนั้นนั่งรถขบวนIR 75 เดินทางไปZuric ใช้เวลาเพียง50 นาทีก็ถึง Zuric HB   ลากกระเป๋าไปตามป้ายที่มีรูปกระเป๋า ห้องอยู่บริเวณชั้นมีตู้รับฝากกระเป๋าอัตโนมัติอยู่เรียงรายมีทั้งขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่สุดxxl บรรจุกระเป๋าขนาดใหญ่ได้2ใบ (รายละเอียดหาอ่านได้ในBlog เที่ยวสวิสด้วยตนเอง ตอน ฝากกระเป๋าเดินทางที่สถานีรถไฟฝากกระเป๋าเสร็จเดินตัวปลิว ไปเที่ยวZuricได้แล้วครับ

          ออกจากสถานีรถไฟเดินข้ามถนนซึ่งมีทั้งรถยนต์รถรางวิ่งกันขวักไขว่ ลัดเลาะไปยังถนน Bhanhofstrass ซึ่งเป็นย่านการค้าเก่าแก่มีห้างสรรพสินค้า ร้านค้าสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ  ถนนนี้เป็นถนนชอปปิ้งที่แพงที่สุดในโลก วันนี้วันอาทิตย์ร้านค้าหยุด เราเพียงแต่เดินชมบรรยากาศเท่านั้น เดินพอรู้สึกหิวจึงไปทานอาหารร้านชื่อดัง สวิสซูชิ ทานฟองดูว์ และRacleletteหมูกระทะสวิส


 จนอิ่มหนำสำราญแล้วจึงไปเดินชมโบสถ์เซนปิเตอร์ที่มีหอนาฬิกาที่มีขนาดหน้าปัดใหญ่ที่สุดในยุโรป และถือเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ 






วันนี้นักท่องเที่ยวเยอะพอสมควรทั้งหมู่คณะและเที่ยวเอง จากนั้นพวกเราพากันเดินไปทางแม่น้ำLimmat ไปชมย่านเมืองเก่าซูริค  


เป็นเขตหมู่บ้านยุโรปที่มีอาคารสมัยเก่ากับสมัยใหม่อยู่ปนเปผสมผสานกันอย่างลงตัว มองเห็นโบสถ์Grossmunster สถาปัตยกรรมโรมัน เป็นหอคอยแฝดอยู่ริมแม่น้ำ นับว่าเป็นทัศนียภาพที่สวยงามมาก อยู่ตรงสะพาะข้ามแม่น้ำLimmat หันมองไปทางซ้าย ขวา หน้า หลัง มองมุมใหนสวยงามไปหมดสวยงามจริงๆ


รวมทั้งบรรยากาศทั้งถนนที่มีทั้งรถยนต์ รถรางแล่นผ่านเป็นระยะๆ

 ในแม่น้ำที่ใสจะมีเป็ดดำผุดดำว่าย  มีเรือโดยสารแล่นไปมา ดูแล้วเพลิดเพลินทั้งอากาศช่วงฤดูใบไม้ผลิเย็นสบายไปหนาวหรือร้อนเกินควร ถ่ายรูปกันเพลินแล้วจึงเดินไปเนินเขาที่มีสวนสาธารณะLindenhof ที่เป็นสถานที่พักผ่อน และเป็นจุดที่ดีในการชมวิวเมืองZuric สามารถมองเห็นเมืองซูริคแม่น้ำLimmat ที่สวยงามยิ่ง 


จากการเห็นเรือโดยสารวิ่งไปมา ทำให้อยากล่องเรือบ้างจึงพากันเดินลงไปทางแม่น้ำหาท่าเรือที่อยู่ใกล้ที่สุด พบว่ามีท่าเรืออยู่ใกล้สะพานย่านเมืองเก่าใกล้ๆกับสวนสาธารณะ ชื่อท่าStorchenดูตารางเรือจะมาทุก15นาที และแน่นอนครับSwiss Pass ขึ้นฟรี (เที่ยวสวิสหากมีบัตรนี้สบายหายห่วงเรื่องการซื้อตั๋วหรือจ่ายค่าโดยสารเรือโดยสารในแม่น้ำเป็นเรือขนาดยาวกว่าเรือในคลองแสนแสบสักเท่าแต่ไม่ใหญ่เท่าเรือด่วนเจ้าพระยาเป็นเรือกระจก  นั่งแถวหันหน้าเข้าหากัน ขึ้นลงทางด้านข้างตอนหน้าของเรือ 



เรานั่งไปจนถึงอ่าวซูริค เรือแล่นเข้าไปประมาณ1กม.ในอ่าวแล้ววนไปทางริมอ่าว เพื่อย้อนกลับทางเดิม เราลงตรงท่าZurichorn ตรงสวนสาธารณะชื่อParkenlage Zuerihorn เป็นสวนสาธารณะริมทะเลสาบซูริคที่มีสนามหญ้าสวยงามเป็นที่พักผ่อน นั่งเล่น ชมทะเลสาบ และมีChinese Garden และ Couebasier Musium ใช้ชมด้วย  


เดินเล่นสวนนี้สักพัก ได้เวลากลับจึงพากันเดินไปตามถนนหาทางขึ้นรถรางกลับไปสถานีรถไฟซูริค นั่งรถไฟไปสถานีรถไฟZuric Flughafen ใช้เวลา 12 นาทีเพื่อขึ้นเครื่องบินกลับ กทม. ปิดทริปครับ ไว้จะเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอีกนะครับ

เที่ยวสวิสด้วยตนเอง: รีวิวทริปเที่ยวฤดูใบไม้ผลิ 8 วัน Ep.16 นั่ง Cabrio กระเช้าเปิดประทุนแหงแรกของโลก ขึ้นเขา Stanserhorn

google.com, pub-9296050589314666, DIRECT, f08c47fec0942fa0

 


   ลงจาก Rigi   นั่งรถไฟขบวนIR จาก Engelberg ปลายทาง Lucern ใช้เวลา 31 นาที ถึง Stans แวะลงที่Stans เดินตามถนนข้ามทางรถไฟไปทางหมู่บ้านแล้วเลี้ยวขวาไปตามทางราว 5 นาทีก็ถึงสถานี Stanserhornbahn  เป็นสถานีเล็กๆ ที่จอดรถรางเพื่อขึ้นรถรางFunicular ไปStanserhorn  ใช้ Swiss Pass ขึ้นฟรีครับ 


      รถราง Funicular เป็นรถรางไม้มีหลังคา มีที่นั่งราวๆแถวๆละ 4 คน  


คนขับอัธยาศัยดี หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ค่อยๆขับพาผู้โดยสารขึ้นเขาผ่านทุ่งหญ้าที่สวยงาม ผ่านหมู่บ้าน รถรางค่อยๆไต่เขาขึ้นสูงมองเห็นทิวทัศน์ทะเลสาบลูเซิร์นอยู่เบื้องล่าง น่าดูชมยิ่งนัก



  รถรางใช้เวลา 9 นาทีก็ถึงKalti สถานีรถ Cable Car เราจะขึ้นCable Car ที่มีดาดฟ้าแห่งแรกของโลก

     Cable Car มีดาดฟ้านี้เรียกว่า Cabrio เป็นกระเช้ากระจกใสขนาดใหญ่มีชั้นล่างและดาดฟ้านั่งได้   เป็นกระเช้าที่มีดาดฟ้าแห่งแรกของโลกเปิดใช้เมื่อปีค. 2012 ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัส 


     พวกเราพร้อมนักท่องเที่ยวอีก10คนพากันขึ้นไป ทุกคนขออยู่บนดาดฟ้าเพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ กระช้าค่อยๆเคลื่อนผ่านป่าไม้และทุ่งหญ้า สูงขึ้นไปทะเลสาบข้างล่างยิ่งเล็กลง







 กระเช้าใช้เวลา 9นาทีก็พาเราถึงสถานียอดเขาบ่าย3โมงครึ่งพอดี ต้องรีบเร่งชมเพราะพยากรณ์อากาศบอกว่าที่นี่ฝนจะตกฟ้าคะนองเวลา 4 โมงเย็น 

    บนเขามีอาคารชั้น  มีร้านอาหาร มีจุดชมวิว มีลานม้านั่งนอนชมวิว และทางเดินขึ้นยอดเขา  ทิวทัศน์บนยอดเขาสวยงามมาก








 เดินเล่นสักพักโมงเย็นเป๊ะ มีเสียงฟ้าร้อง ลมเริ่มพัดแรง ยังเดินเที่ยวไม่ครบจึงต้องเข้าไปอยู่ในอาคาร ยืนชมทิวทัศน์ด้านทะเลสาบ ได้ประสบการณ์ที่เห็นเมฆฝนดำๆลอยเข้าหากันแล้วท้องฟ้าก็ปกคลุมด้วยเมฆฝนกลายเป็นฝนตกลงมาพร้อมลมที่พัดอย่างแรง พวกเราเลยต้องเข้าไปในภัตตาคาร หาของว่างทานเพื่อหลบฝนรอเวลาฝนซา

 
ภัตตาคารที่นี่เป็นแบบSelf Service ซื้อแล้วใส่ถาดยกไปที่โต๊ะเอง  ทานเสร็จเก็บถาดไปวางที่เก็บ เราซื้อเฟรนไฟร  ไส้กรอก น้ำอัดลมและเบียร์มาทาน พอฝนซาจึงไปนั่งกระเช้าตอน6โมงครึ่ง คราวนี้พวกเราแถบเหมากระเช้าเลยทีเดียว มีนักท่องเที่ยวฝรั่งแค่คนรวมพวกเราเป็นคน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังไม่ลง คงรอกระเช้าเที่ยวต่อๆไป ซึ่งเที่ยวสุดท้ายเวลา 5 ทุ่ม   ฝนตกปรอยๆพวกเรายึดชั้นบนยอมตากฝน ชมทิวทัศน์กันเพลิน สักพักก็ต้องรีบหลบลงกระเช้าด้านในเพราะกลัวฟ้าผ่า ลงจากกระเช้าก็นั่งรถรางคันเดิม(มีคันเดียวพาเรากลับลงข้างล่าง รถแล่นผ่านทุ่งหญ้าเขียวที่ชุ่มฉ่ำ รู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมาก 

 
เมื่อรถถึงสถานีด้านล่างฝนยังตกปรอยๆ เราจึงรีบเดินไปสถานีรถไฟStans เพื่อนต่อรถไปลูเซิร์นต่อไป








  สถานีStansเป็นสถานีเล็กๆแต่อยู่ในทำเลที่มีทิวทัศน์สวยงามทั้งบ้านเรือนรอบข้างสถานีและฉากหลังที่เป็นเขาสูงปกคลุมด้วยหิมะ  Stanserhorn ถือเป็นที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาด สถานีStans ก็ไม่ไกลห่างจากLucern เพียง 21 นาที สะดวกสบายครับ

     

เที่ยวสวิสด้วยตนเอง:รีวิวทริปเที่ยวฤดูใบไม้ผลิ 8 วัน Ep.15 นั่ง Ice Flyer กระเช้าห้อยขา เหินฟ้าน่าหวาดเสียว ที่ Titlis

google.com, pub-9296050589314666, DIRECT, f08c47fec0942fa0

          


 
การนั่ง Ice Flyer หรือกระเช้าห้อยขา ลงจากยอดเขาสู่ลานหิมะอันกว้างใหญ่ เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ไม่ควรพลาดหากมาเที่ยวที่ยอดเขาTitlis กระเช้านี้เป็นกระเช้าที่คล้ายกับม้านั่งยาวๆ เปิดโล่ง นั่งได้คน 

     จากEp. ที่แล้วหลังจากเดินCliff Walk แล้ว เดินมาที่สถานีIIce Flyerที่อยู่ใกล้ วันนี้โชคมีนักท่องเที่ยวเข้าคิวอยู่ไม่กี่คน ปกติแล้วสถานีนี้จะมีคนรอคิวยาวมากๆโดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนที่นักท่องเที่ยวเยอะ ควรมาแต่เช้าๆรอคิวที่สถานีนี้ก่อนไปเล่นกิจกรรมอื่น การนั่งกระเช้านี้ต้องซื้อตั๋วนะครับ ไม่รวมอยู่ในค่าตั๋วขึ้นTitlis ค่าตั๋วไป-กลับ ใช้Swiss pass เป็นส่วนลด เหลือคนละ12 ฟรังก์ ซื้อจากบูธขายตั๋วหรือตู้อัตโนมัติก็ได้ เราซื้อจากตู้อัตโนมัติ จ่ายด้วยTravel Card จากนั้นไปรอที่ทางเข้าได้เลย มีคิวก่อนหน้าแค่คิว เจ้าหน้าที่ให้ทุกคนเอาเป้หรือกระเป๋ากอดไว้ข้างหน้า เก็บของ ปิดกระเป๋าให้เรียบร้อย หากของตกหล่นระหว่างทางไม่มีการเก็บให้มันจะจมหายไปในทุ่งหิมะ




  เมื่อถึงคิว เจ้าหน้าที่จะให้เราเดินไปยืนรอที่จุดตามรอยเท้าที่พื้นหันหน้าออกไปทางทุ่งหิมะ เมื่อกระเช้ามาถึงจะหยุดให้เรานั่งกันคนตามจุดที่กำหนด จากนั้นจะโยกคันล๊อคลง เป็นSafety แต่ถึงอย่างไรก็น่ากลัวอยู่ดี ใครที่กลัวความสูง หรือเป็นโรคหัวใจ ไม่ควรนั่งครับ 

    กระเช้าเคลื่อนออกตัวแรงด้วยความเร็วเหมือนคนขับรถมือใหม่หัดขับ จนเราตื่นเต้น แต่ออกมาได้สักพักก็ค่อยๆเคลื่อนไปช้าๆ ระดับความสูงจากพื้นราวๆ30-50 เมตร ผ่านทุ่งหิมะ  ลำธาร วันนี้อากาศดีแดดจ้าทำให้พื้นด้านล่างที่มีแต่หิมะ รวมทั้งมองเห็นลานหิมะ นักสกีเล่นสกีลงเขา และทิวทัศน์มุมกว้างที่มีทุ่งหิมะและยอดเขาต่างๆได้ชัดเจน  




นั่งกระเช้าไปใช้เวลาประมาณ15 นาทีก็ถึงสถานีปลายทาง จึงวนกลับ(เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าเราสามารถลงได้และไปเดินเล่นGlacier Park ลานสกี ธารน้ำแข็งได้ ) ถามเจ้าหน้าที่ว่าแวร์อิสคาเมลล่า กล้องอยู่ไหน เจ้าหน้าที่ตอบว่ากล้องอยู่ที่จุดสุดท้ายขากลับก่อนเข้าสถานีปลายทาง (Ice Flyer จะมีกล้องถ่ายรูปนักท่องเที่ยวที่นั่งบนกระเช้าไว้ ใครอยากได้เก็บไว้เป็นที่ระลึก ต้องซื้อรูปละ12  ฟรังค์ขากลับไม่ค่อยตื่นเต้นเหมือนกับตอนขามา จึงเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่สุดสวย สักพักเมื่อถึงจุดที่เจ้าหน้าที่บอก ต่างคนต่างมองหากล้อง ไม่รู้อยู่ตรงไหน เลยตั้งท่ารอราว50 เมตร ก่อนไกล้ถึงสถานี จนถึงจุดใกล้สถานีจะมีป้ายบอกว่ากล้องอยู่ตรงนี้ จึงแอคท่าถ่ายรูปกัน 
                   เมื่อลงจากกระเช้าแล้วเราก็เดินไปที่บูธทางเข้า ขอเจ้าหน้าที่ดูที่จอ เมื่อเห็นรูปเราและเห็นว่าใช้ได้พอใจจึงตัดสินใจซื้อมาใบเอาขนาดเล็ก 12 ฟรังค์(ขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยราวๆ20 ฟรังค์ )


            การ 
นั่งIce Flyer เหนือทุ่งหิมะ บนยอดเขาสูงสนุก ตื่นเต้น สวยงาม ถือเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจมิรู้ลืม

        เสร็จจากนั่งกระเช้าห้อยขาแล้วจึงเดินไปที่อาคารสถานีTitlis แล้วไปที่ชั้นที่ 4 เป็นห้องpanorama มีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งปิคนิค มีโซฟาไว้นั่งชมวิวยอดเขาสูง จึงนำเอาแซนวิสที่พกมาทาน แถมด้วยเทน้ำร้อนจากกระติกในเป้ ใส่บะหมี่ถ้วยหนึ่งถ้วย ทานมื้อกลางวันพร้อมกับชมบรรยากาศวิวหลักล้าน



 อิ่มหนำสำราญแล้วจึงนั่งกระเช้าใบใหญ่ที่หมุนรอบ360 องศานทท.ไม่ค่อยเยอะไม่ต้องรอคิวนานครับ ข้อดีของการมาเที่ยวฤดูใบไม้ผลิ และวันธรรมดาครับ กลับลงมาทางเดิม



แล้วเปลี่ยนเป็นกระเช้าเล็กที่สถานี
Standนั่งลงมาจนถึงสถานี Trubsee แวะลงสักพักที่นี่มีร้านอาหาร มีกิจกรรมเล่นห่วงยางไหลลงเนินหิมะ และชมทะเลสาบTrubsee แต่ไม่ได้เดินไปเที่ยวทะเลสาบเพราะยังเป็นน้ำแข็งปกคลุมด้วยหิมะ ขึ้นกระเช้าต่อลงสถานีปลายทางแล้วขึ้นรถบัสเบอร์300 ไปสถานีEnglerberg เพื่อนั่งรถไฟไปสถานีStans ชมยอดเขาStanserhorn ต่อไป ติดตามได้ในEp.หน้าครับ
         ส่วนTitlis มีข้อแนะนำคือ ควรจัดเที่ยวTitlis ทั้งวัน เพราะมีกิจกรรมต่างๆมากมายให้เยี่ยมชม อีกทั้งเผื่อเวลารอคิวขึ้นกระเช้าหรือเล่นIce Flyer หรือแม้กระทั่ง ถ้ำธารน้ำแข็ง ซึ่งคนจะเยอะหากตรงกับวันหยุด หรือช่วงฤดูที่นักท่องเที่ยวเยอะ ครับ

        


    

เที่ยวสวิสด้วยตนเอง:รีวิวทริปเที่ยวฤดูใบไม้ผลิ 8 วัน Ep.14 มุดถ้ำธารน้ำแข็ง5,000ปี ที่ยอดเขา Rigi

google.com, pub-9296050589314666, DIRECT, f08c47fec0942fa0

 


    

              ลุยTitlis ต่อจากEp.ที่แล้ว ลานหิมะบนยอดเขาที่หนาวเย็น พวกเราพากันเดินลุยหิมะขึ้นตามทางลาดชันสูงไปยังจุดชมวิวบนยอดเขา ข้างบนคนเยอะพอสมควรส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ มาตามรอยละครดังของอินเดีย คงดังมากเพราะมีรูปพระเอกนางเอกอินดียขนาดใหญ่ตั้งอยู่ มีนักท่องเที่ยวอินเดียถ่ายรูปกันตรึม  ทางการ สวิส  เข้าใจใช้ละครดังมาเป็นจุดขายดึงดูดนักท่องเที่ยว Titlis นักท่องเที่ยวอินเดีย Iseltwald นักท่องเที่ยวเกาหลี ส่วนไทย คงเป็นRigi “อย่าลืมฉัน” ปราสาทChillon “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” ที่ Schillthorn มีเจมส์บอนด์ เป็นต้น

        ที่จุดชมวิวบนยอดเขา  มองเห็นทิวทัศน์ยอดเขาโดยรอบที่มีหิมะปกคลุม สวยงามมาก



 จากนั้นพวกเรา 
จึงค่อยๆเดินลงมายังเนินข้างล่างที่เป็นลานหิมะ ส่วนผมนึกสนุกนั่งไถลลงมาสนุกดี   ที่ลานหิมะมีเครื่องพ่นเกล็ดหิมะ พ่นออกมาให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับหิมะตก เราจึงเล่นกับหิมะตกกันสนุกไปเลย 





จากนั้นเดินไปยังCliff walk ที่พื้นเป็นตระแกรงเหล็กมองเห็นด้านล่าง มีความกว้าง1 เมตร ยาว100 เมตรเป็นสะพานแขวนเชื่อมต่อระหว่างหน้าผา เป็นสะพานแขวนที่สูงที่สุดในยุโรป ใครกลัวความสูงไม่ควรไปเดินนะครับ ช่วงนี้เป็นจังหวะที่กลุ่มเมฆลอยผ่านมาพอดี ทำให้สะพานอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก มองไม่เห็นทัศนียภาพใดๆนอกจากเมฆหมอก 


เราจึงเดินไปหากิจกรรมอื่นก่อนเพื่อรอฟ้าเปิดค่อยมาใหม่ (เป็นข้อดีของการเที่ยวเองที่มีเวลายืดหยุ่นได้ไม่รีบเร่งเหมือนมากับทัวร์เราจึงเดินเข้าไปในอาคารไปดูถ้าธารน้ำแข็งGlacier Cave ที่อยู่บริเวณชั้น 1 ของอาคารสถานี Titlis ถ้ำธารน้ำแข็งเจาะเข้าไปในธารน้ำแข็งที่มีอายุกว่าห้าพันปี มีความยาวกว่า150 เมตร 

ข้างในมีความเย็นยะเยือกติดลบ พื้นเป็นน้ำแข็งค่อนข้างลื่น แต่เราใส่รองเท้าที่ลุยน้ำแข็งลุยหิมะได้จึงไม่ค่อยลื่น  ที่ผนังถ้ำมีสิ่งของที่เกี่ยวกับธารน้ำแข็งแสดงโชว์เป็นระยะๆ   ข้างในติดไฟมีแสงสลัวๆทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดความร้อนจนทำให้น้ำแข็งละลาย  ใช้เวลาเดินราวๆ15 นาทีก็ถึงทางออกใกล้ทางเข้า  เที่ยวถ้ำน้ำแข็งได้ประสบการณ์ที่ล้ำค่าครับ




       จากถ้ำน้ำแข็งขึ้นลิฟท์ไปชั้นเดินออกไปลานหิมะอีกครั้ง ออกไปเดินCliff Walk พบว่าท้องฟ้าโปร่งไม่มีกลุ่มเมฆลอยที่พื้น ทำให้เห็นทัศนียภาพรอบข้างและที่พื้นล่างได้ชัดเจน น่าหวาดเสียวยิ่งนัก 



 
Ep ต่อไปจะพาไปนั่งIce Flyer กระเช้าห้อยขาลอยฟ้า ครับ

เที่ยวSalzburg ประเทศออสเตรีย

           Salzburg ชื่อนี้อาจไม่คุ้นนัก แต่หากเอ่ยถึงภาพยนต์เพลงชื่อก้องโลก The Sound of Music แล้วทุกคนคงรู้จัก หนังเรื่องนี้ถ่ายทำในเมือ...